คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

‘ความเห็นแย้ง’ ตามความในมาตรา 248 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หมายความถึงความเห็นแย้งเกี่ยวแก่ข้อเท็จจริง
ถ้ามีความเห็นแย้งเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย คู่ความจะฎีกาเถียงข้อเท็จจริงไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของร่วมในที่ดินโฉนดที่ 6671 จังหวัดอยุธยา จำเลยที่ 1 ได้มาอาศัยปลูกเรือนอยู่ในที่งอกรายนี้ของโจทก์ และจำเลยที่ 2 ก็ได้มาอาศัยปลูกเรือนอยู่ในที่ดินในโฉนดส่วนของโจทก์อีก ต่อมาจำเลยไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่า จำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินที่งอกจากโฉนดที่ 6671 ของโจทก์ จึงขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารกับให้จำเลยรื้อเรือนออกไป

จำเลยทั้งสองให้การต้องกันว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยโดยครอบครองอย่างเป็นเจ้าของมาเกิน 10 ปีแล้ว

วันนัดดูแผนที่กลาง โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 2

ระหว่างพิจารณา โจทก์กับจำเลยที่ 1 ท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะในคำเบิกความของนางหรุ่นคนกลางว่า ถ้านางหรุ่นเบิกความว่านายอ่ำหรือนางพลับได้ยกที่พิพาทให้โจทก์ ก็ให้ศาลพิพากษาชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แต่ถ้านางหรุ่นว่านายอ่ำหรือนางพลับไม่ได้ยกที่พิพาทให้กับโจทก์แล้ว ก็ให้ศาลชี้ขาดพิพากษาว่าที่ดินเฉพาะตอนพิพาทเป็นของจำเลย

ศาลชั้นต้นสืบนางหรุ่นแล้ววินิจฉัยว่า ตามคำเบิกความของนางหรุ่นพยานว่า นายอ่ำและนางพลับไม่ได้ยกที่พิพาทให้แก่โจทก์ ต้องชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยตามคำท้า พิพากษาว่า ที่ดินพิพาทไม่ใช่เป็นของโจทก์ตามคำท้า ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่โจทก์จำเลยท้ากันเช่นนี้ ไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายมีผลใช้บังคับได้ และปรากฏว่านางหรุ่นเบิกความว่าก่อนนายอ่ำนางพลับตายไม่ได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่ใคร ซึ่งต้องหมายถึงว่าไม่ได้ยกให้โจทก์ด้วย โจทก์จึงต้องแพ้คดีตามคำท้า พิพากษายืน

แต่มีผู้พิพากษานายหนึ่งทำความเห็นแย้งว่า ถ้าการท้าเปลี่ยนประเด็นแห่งคดีอาศัย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 ให้อำนาจศาลพิพากษาไม่ได้แล้ว ก็ชอบที่จะให้ดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามประเด็นแห่งคำคู่ความต่อไป

โจทก์ฎีกาว่า

(1) ศาลจะวินิจฉัยว่า จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทด้วยไม่ชอบเพราะเกินคำขอ โดยจำเลยมิได้ฟ้องแย้ง

(2) คำท้าของคู่ความในคดีนี้ ขัดต่อกฎหมาย ไม่มีผลบังคับเพราะเป็นการตั้งประเด็นใหม่นอกเหนือคำคู่ความ

(3) ข้อเท็จจริงที่ศาลฟังจากคำเบิกความของนางหรุ่นก็ยังไม่ได้ความตามคำท้า

สำหรับฎีกาข้อ (1) ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความจริงคำพิพากษาที่บังคับคดีของศาลชั้นต้นก็มีเพียงว่า ที่ดินพิพาทไม่ใช่เป็นของโจทก์ตามคำท้า ให้ยกฟ้องโจทก์เท่านั้น จึงไม่ใช่พิพากษาเกินคำขอ

ฎีกาข้อ (2) ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อตกลงเช่นนั้นไม่ขัดต่อกฎหมาย

ส่วนฎีกาในประเด็นข้อ (2) เป็นฎีกาที่โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลทั้งสองฟังต้องกันมาแล้วว่า นางหรุ่นได้เบิกความว่า ก่อนนายอ่ำนางพลับตาย ไม่ได้เจตนาจะให้ที่ดินแปลงนี้แก่ใคร และไม่ได้พูดยกที่ดินแปลงนี้ให้แก่ใคร ซึ่งต้องหมายความว่าไม่ได้ยกให้แก่โจทก์ด้วย โจทก์จะฎีกาเกินข้อเท็จจริงไม่ได้ คดีนี้ทุนทรัพย์ 1,000 บาทต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 เพราะคดีนี้แม้ในชั้นศาลอุทธรณ์จะมีความเห็นแย้ง ก็เป็นการแย้งในเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย หาได้มีความเห็นแย้งเกี่ยวแก่ข้อเท็จจริงด้วยไม่

พิพากษายืน

Share