แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ระหว่างศาลชั้นต้นออกนั่งพิจารณาสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวทนายจำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่โดยยื่นต่อพนักงานรับฟ้องกรณีจึงเป็นการขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง การที่พนักงานรับฟ้องไม่ได้นำคำร้องเสนอต่อศาล ก่อนที่ศาลจะชี้ขาดตัดสินคดี จะถือว่าทนายจำเลยไม่มาศาลหาได้ไม่คำร้องของจำเลยดังกล่าวมิใช่เป็นการขอพิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 อันจะต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่จำเลยขาดนัด และต้องแสดงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา208 วรรคสอง การที่ศาลชั้นต้นไม่พิจารณาคำร้องของจำเลยแล้วพิพากษาคดีไป จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่นาโฉนดเลขที่ 15516 อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ จำเลยได้บุกรุกเข้าไปลักเกี่ยวข้าวในนาของโจทก์จนหมดทั้งแปลงขอให้ศาลพิพากษาว่าข้าวในนาเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยยุ่งเกี่ยวและเคลื่อนย้ายข้าวออกจากนาของโจทก์
จำเลยให้การว่าจำเลยมีสิทธิเช่านาพิพาทตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ. 2517 ข้าวในนาพิพาทเป็นของจำเลย
วันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกจำเลยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา พิจารณาสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาว่า ข้าวเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์
จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2525 ขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่โดยอ้างเหตุว่า ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ตอนเช้าเวลา 8.30 นาฬิกา ทนายจำเลยมาศาล ครั้นเวลา 12 นาฬิกา ทนายจำเลยไปกิจธุระ ระหว่างเดินทางกลับ รถยนต์ของทนายจำเลย เครื่องเสีย จึงมาศาลไม่ทันเวลา ทนายจำเลยมิได้จงใจขาดนัดศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันให้รับคำร้องและนัดไต่สวน
ต่อมาวันที่ 25 พฤศจิกายน 2525 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของศาลลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2525 เสีย แล้วมีคำสั่งใหม่ว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง ให้ยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2525 ของจำเลยเสียโดยไม่ว่าต้องไต่สวน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2525และให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยลงวันที่ 23 พฤศจิกายน2525 แล้วมีคำสั่งต่อไปตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 23 พฤศจิกายน2525 เวลา 8.30 นาฬิกา ถึงวันนัดปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าออกนั่งพิจารณา เวลา 14.20 นาฬิกา เนื่องจากเลื่อนมาจากตอนเช้าซึ่งติดพิจารณาคดีอื่น จำเลยไม่มาศาลและไม่แจ้งเหตุขัดข้อง จึงมีคำสั่งให้จำเลยขาดนัดพิจารณา สืบพยานโจทก์รวม 3 ปาก และได้อ่านคำพิพากษาวันเดียวกันเวลา 16 นาฬิกา ปรากฏว่าทนายจำเลยได้มาศาลในวันเดียวกัน เวลา 15 นาฬิกายื่นคำร้องต่อพนักงานรับฟ้องว่ามิได้จงใจขาดนัด ขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งพิจารณาคดีใหม่ แล้ววินิจฉัยว่าก่อนที่ศาลชั้นต้นจะชี้ขาดตัดสินคดี ย่อมต้องถือว่าคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาและในการยื่นคำคู่ความหรือเอกสารต่อศาลนั้นนอกจากจะยื่นต่อศาลในระหว่างพิจารณาแล้ว คู่ความยังอาจยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลได้อีก เมื่อทนายจำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ก่อนเวลาที่ศาลชั้นต้นจะชี้ขาดตัดสินคดีโดยคำพิพากษา ย่อมต้องถือว่าคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณา เป็นการขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง การที่พนักงานรับฟ้องไม่ได้นำคำร้องเสนอต่อศาลก่อนที่ศาลจะชี้ขาดตัดสินคดี จะถือว่าทนายจำเลยไม่มาศาลหาได้ไม่ คำร้องของจำเลยดังกล่าวมิใช่เป็นการขอพิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 207 อันจะต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่จำเลยขาดนัด และต้องแสดงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 208 วรรคสอง การที่ศาลชั้นต้นไม่พิจารณาคำร้องของจำเลยแล้วพิพากษาคดีไปจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาตามมาตรา 205 วรรคสอง
ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำร้องของศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้วมีคำสั่งใหม่ โดยมิได้พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นไม่ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียด้วย