คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4437/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ตายขี่รถจักรยานสองล้อไปเก็บผักบุ้งบริเวณท้องนาต่อมาพบผู้ตายถูกข่มขืนกระทำชำเราใกล้กับสถานีทดลองข้าวซึ่งจำเลยทำงานอยู่ พบเส้นผมประมาณ 20-30 เส้น กับขนที่อวัยวะเพศ 1 เส้นตกอยู่ที่กองเลือดในที่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวนได้นำตัวอย่างเส้นผมและขนจากอวัยวะเพศของจำเลยและของคนงานสถานีทดลองข้าวดังกล่าวรวม 8 คน ไปตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับเส้นผมและขนจากอวัยวะเพศของกลาง ผลการตรวจลักษณะภายนอกและการตรวจน้ำเหลืองทางวิทยาเชื่อว่า เส้นผมบางเส้นและขนจากอวัยวะเพศของกลางเป็นของจำเลยโดยมีแพทย์ผู้ตรวจพิสูจน์มาเบิกความรับรองว่า วิธีการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวสามารถยืนยันได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ และยังพบร่องรอยบาดแผลขีดข่วนที่ร่างกายของจำเลยอีกหลายแห่งอันเกิดจากการดิ้นรนต่อสู้ของผู้ตาย ดังนี้ พยานหลักฐานโจทก์ฟังลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราและฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคแรก,289(7) ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277,289, 91 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก, 289(7), 91 ซึ่งแก้ไขแล้วเป็นความผิดต่างกรรมให้ลงโทษจำคุกฐานกระทำชำเรา เด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี มีกำหนด 20 ปี และให้ลงโทษประหารชีวิตในฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่น แต่เมื่อลงโทษประหารชีวิตแล้วก็ไม่อาจลงโทษจำคุกได้อีก จึงให้ประหารชีวิตสถานเดียว จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเพราะผู้เสียหายถึงแก่ความตายหลังจากถูกนำส่งโรงพยาบาลเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ปรากฏจากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกเจิมศักดิ์ ไชยพลีและร้อยตำรวจตรีสุขุม ทับทิมดี ว่า บริเวณที่เกิดเหตุมีร่องรอยการต่อสู้ขัดขืนดังปรากฏตามภาพถ่ายหมาย จ.7 กับมีรอยเท้าของผู้ตายกับของคนร้าย และในการตรวจสถานที่เกิดเหตุครั้งที่สองเมื่อวันที่19 ธันวาคม 2529 ได้พบเส้นผมประมาณ 20-30 เส้น และขนจากอวัยวะเพศ1 เส้น ตกอยู่ที่กองเลือด จึงได้รวบรวมเก็บไว้เป็นของกลางเพื่อทำการตรวจพิสูจน์โดยพนักงานสอบสวนได้จัดนำเอาตัวอย่างเส้นผมและขนจากอวัยวะเพศของคนงานของสถานีทดลองข้าวซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุรวม 8 คน พร้อมกับตัวอย่างเส้นผมและขนจากอวัยวะเพศของจำเลยไปตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับเส้นผมและขนจากอวัยวะเพศของกลางซึ่งพบในที่เกิดเหตุ ผลการตรวจพิสูจน์ปรากฎจากคำเบิกความของผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สุนทร คำชมนันท์ หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ว่า สำหรับผลของการตรวจพิสูจน์เส้นผมของกลางจากลักษณะภายนอกและผลการตรวจน้ำเหลืองทางวิทยาแยกได้เป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่มหนึ่งเหมือนกับเส้นผมของจำเลย อีกกลุ่มหนึ่งเหมือนกับเส้นผมของนายพงษ์พันธ์ซึ่งทำงานที่สถานีทดลองข้าวร่วมกับจำเลย กลุ่มที่สามเหมือนกับผมของผู้ตายแต่สำหรับขนจากอวัยวะเพศนั้น ลักษณะภายนอกและผลการตรวจน้ำเหลืองทางวิทยาเปรียบเทียบกับขนจากอวัยวะเพศของจำเลยแล้วเหมือนกันสรุปได้ว่าขนจากอวัยวะเพศที่พบตกอยู่ที่กองเลือดในที่เกิดเหตุเป็นของจำเลย ดังปรากฏตามเอกสารหมาย ป.จ.4 และ ป.จ.5 ผลของการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวนี้ปรากฏจากคำให้การชั้นสอบสวนซึ่งผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สุนทรเบิกความรับรองตามเอกสารหมายป.จ.6 ว่า สามารถยืนยันได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เว้นแต่ในกรณีพี่น้องฝาแฝดเท่านั้น
นอกจากเส้นผม ขนจากอวัยวะเพศของจำเลยจะตกอยู่ที่กองเลือดในที่เกิดเหตุแล้ว จากการตรวจร่างกายซึ่งพบร่องรอยบาดแผลขีดข่วนที่ร่างกายของจำเลยอีกหลายแห่งคือ ที่บริเวณหน้าอก หน้าท้องไหล่ซ้าย บริเวณเข่าทั้งสองข้าง และที่ศีรษะทั้งสองด้าน ดังปรากฏจากภาพถ่ายหมาย จ.8 บาดแผลขีดข่วนดังกล่าวนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สุนทรเบิกความว่า เกิดมาแล้วประมาณ 5 วัน อันเป็นระยะใกล้เคียงกับวันเกิดเหตุสำหรับรอยขีดข่วนที่ศีรษะจำเลยก็เบิกความรับว่าเกิดจากเล็บ แต่เลี่ยงว่า เป็นรอยเล็บของจำเลยเพราะจำเลยเกาศีรษะ อย่างไรก็ดี สำหรับรอยขีดข่วนที่ร่างกายในที่อื่น ๆจำเลยก็ไม่มีข้ออ้างหรือข้อแก้ตัวแต่อย่างไร อ้างแต่ว่าจำไม่ได้ดังนั้นร่องรอยขีดข่วนตามร่างกายของจำเลยจึงน่าเชื่อว่าเกิดจากการดิ้นรนต่อสู้ของผู้ตาย
สำหรับข้อที่จำเลยฎีกาเป็นทำนองว่า เส้นผมและขนจากอวัยวะเพศซึ่งพบอยู่ที่กองเลือดบริเวณที่เกิดเหตุมิใช่ของจำเลย และเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาเส้นผมและขนจากอวัยวะเพศของจำเลยไป 2 ครั้งนั้นเห็นว่า ถ้าหากเป็นอย่างที่จำเลยฎีกา ใครเล่าที่เป็นผู้เอาเส้นผมและขนจากอวัยวะเพศของจำเลยไปไว้ยังกองเลือดในที่เกิดเหตุเพราะการตรวจพบเส้นผมและขนจากอวัยวะเพศในที่เกิดเหตุนั้นพบเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2529 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยเมื่อวันที่20 ธันวาคม 2529 และจากคำเบิกความของจำเลยเองก็มิได้อ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาเส้นผมและขนจากอวัยวะเพศของจำเลยไป 2 ครั้งอย่างที่จำเลยอ้างในฎีกา ดังนั้นข้ออ้างในฎีกาจึงรับฟังไม่ได้
สำหรับพยานฐานที่อยู่ของจำเลยก็ได้ความจากนายบุญดิษฐ์วรินทร์รักษ์ ผู้บังคับบัญชาจำเลยซึ่งมาเบิกความเป็นพยานจำเลยว่าเห็นจำเลยในวันเกิดเหตุครั้งสุดท้ายเมื่อเวลาประมาณ 15.30 นาฬิกาอันเป็นเวลาราชการ หลังจากนั้นนายบุญดิษฐ์ก็ไม่เห็นจำเลยอีกแต่เวลาที่เกิดเหตุปรากฏจากคำเบิกความของนางเกตุมารดาผู้ตายว่าผู้ตายมาถึงที่นาที่บิดามารดาผู้ตายทำสวนเมื่อเวลาประมาณ 16 นาฬิกาผู้ตายเก็บผักบุ้งอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงจึงขี่รถจักรยานกลับดังนั้น เวลาเกิดเหตุจึงเป็นเวลาหลังจาก 17 นาฬิกา คำเบิกความของนายบุญดิษฐ์จึงไม่เป็นประโยชน์แก่จำเลยแต่ประการใด ส่วนนายจรูญ ศรีตะวัน ซึ่งเบิกความเป็นพยานจำเลยว่า ไปสูบน้ำที่บ้านจำเลยไปใส่แท็งก์น้ำตั้งแต่ 15 นาฬิกา แต่เหตุไฉนจึงกลับไปจากบ้านจำเลยเมื่อเวลา 17 นาฬิกา จึงไม่น่าเชื่อว่าการสูบน้ำเพื่อเอาไปใส่แท็งก์น้ำของโรงเรียนจะต้องใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงพยานฐานที่อยู่ของจำเลยจึงรับฟังไม่ได้ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากพยานวัตถุซึ่งพบในที่เกิดเหตุฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดดังฟ้องฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share