แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนดจำเลยที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์มิได้ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยนี้ขาดนัด และศาลชั้นต้นก็มิได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยผู้นี้แต่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนดจำเลยที่ 1,2,3 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยทุกคนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245 เพราะคำพิพากษาคดีนี้เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่นาโฉนดที่ 5581 เป็นของโจทก์ทั้งสามกับมารดาของจำเลย ซึ่งต่างแยกครอบครองเป็นสัดส่วน โจทก์ทั้งสามได้ให้มารดาจำเลยเช่าที่ดินเหล่านี้ เมื่อมารดาจำเลยตายแล้วได้ให้จำเลยเช่าต่อไป ต่อมาจำเลยทั้งสี่ลอบโอนที่นี้ใส่ชื่อจำเลยทั้งสี่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนด ขอให้ศาลเพิกถอนการจดทะเบียนโอนในโฉนดดังกล่าว
จำเลยที่ 1, 2, 3 ให้การว่า ที่พิพาทเป็นของมารดาจำเลยแต่ผู้เดียวจำเลยครอบครองโดยสงบ เปิดเผย และเจตนาเป็นเจ้าของเกิน 10 ปีแล้ว คดีขาดอายุความ
จำเลยที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การ แต่โจทก์ไม่ได้ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยขาดนัด ทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 4
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้เพิกถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนด
จำเลยที่ 1, 2, 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยทุกคน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลอุทธรณ์ แล้ววินิจฉัยว่าคำพิพากษาคดีนี้เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ดังนั้น แม้จำเลยที่ 4 จะไม่ได้ยื่นคำให้การ และศาลชั้นต้นจะมิได้สั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยคนนี้ก็ตาม ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้มีผลถึงจำเลยที่ 4 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245
พิพากษายืน