คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 439/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กิจการของธนาคารมีการรับฝากเงินเป็นประการสำคัญ ดังนั้น ผู้จัดการธนาคารกระทำการรับฝากเงิน ก็เป็นกิจการที่ธนาคารมอบหมายให้กระทำ ข้อที่ผู้จัดการสาขาไปรับฝากเงินถึงบ้านผู้ฝาก และรับฝากในวันธนาคารหยุด การฝากเงินนอกสถานที่เป็นกิจการของธนาคาร จำเลยจะอ้างว่าผู้จัดการสาขากระทำโดยปราศจากอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหาได้ไม่
ผู้จัดการสาขาธนาคารรับฝากเงินมาแล้ว ไม่เอาเข้าบัญชีธนาคาร ซึ่งเป็นเรื่องตัวแทนไม่ส่งทรัพย์สินที่ได้มาแก่ตัวการ ตัวการจะปฏิเสธความรับผิดว่าทำนอกเหนืออำนาจย่อมไม่ได้
หนังสือแจ้งยอดคงเหลือ ซึ่งหนังสือของธนาคารสาขาของธนาคารจำเลยมีถึงโจทก์ ย่อมเป็นหนังสือของธนาคารจำเลย จำเลยจะอ้างว่าเป็นหนังสือส่วนตัวของผู้จัดการสาขาหาได้ไม่ เพราะจำเลยแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ผู้จัดการมีอำนาจเป็นตัวแทนจำเลย
การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ฝากเงินต่อผู้จัดการสาขาธนาคารแจ้งว่าผู้จัดการนั้นไม่เอาเงินเข้าบัญชี เป็นการยักยอกเงินโจทก์ คำแจ้งความเช่นนี้ไม่ทำให้ธนาคารจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้ฝาก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกค้านำเงินฝากตามบัญชีกระแสรายวันที่ธนาคารเกษตร จำกัด สาขาดำเนินสดวก จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นสาขาของจำเลยตลอดมา โจทก์มีเงินฝากในธนาคารจำเลย ๒๙,๑๒๕ บาท ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๕ และ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๐๕ โจทก์ได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท และ ๗,๐๐๐ บาท โดยผ่านบัญชีของธนาคารกรุงเทพ สาขาตลาดพลู ธนบุรี แต่ธนาคารเกษตรสาขาดำเนินสดวกไม่ยอมจ่ายโดยอ่างว่าบัญชีโจทก์ปิดแล้วโจทก์ติดต่อทวงถาม จำเลยปฏิเสธว่าการฝากเงินของโจทก์ต่อธนาคารเกษตร สาขาดำเนินสดวก เป็นเรื่องส่วนตัวของโจทก์กับอดีตผู้จัดการฯ ขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้เงิน ๒๙,๑๒๕ บาทกับดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า บัญชีของโจทก์ถูกปิด บัญชีกระแสรายวันของโจทก์ประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๐๓ ตลอดจนสิ้นปี ๒๕๐๓ โจทก์มีเงินฝากกับจำเลยเหลืออยู่ในบัญชีเพียง ๑,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ย ๕ บาท รวมเป็นเงิน ๑,๐๐๕ บาท และปฏิเสธเรื่องอำนาจของตัวแทน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๒๙,๑๒๕ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่ง ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า กิจการของธนาคารมีการรับฝากเงินเป็นประการสำคัญ ดังนั้น ผู้จัดการธนาคารสาขากระทำการรับฝากเงินก็เป็นกิจการที่จำเลยมอบหมายให้กระทำ จำเลยจะเถียงว่าปราศจากอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหาได้ไม่ ข้อที่จำเลยเถียงว่านอกเหนือขอบอำนาจก็คือ ไปรับฝากเงินถึงบ้านผู้ฝากและรับฝากในวันธนาคารหยุด จำเลยจึงอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้จัดการรับฝากเอง ข้อนี้ได้ความว่าสาขาธนาคารที่อำเภอดำเนินสดวก ๓ ธนาคาร แข่งขันกันหาลูกค้าฝากเงินผู้จัดการธนาคารเกษตร สาขาดำเนินสดวกจึงหาลูกค้า ชักชวนให้ฝากเงินต่อธนาคาร จำเลยโดยวิธีให้ความสะดวกมารับฝากถึงสถานที่ของผู้ฝากเอง ไม่เฉพาะรายโจทก์รายเดียว การรับฝากก็ใช้ใบรับฝากของธนาคารเซ็นรับ ตรงกับความประสงค์ของผู้ฝาก จำเลยผู้เป็นตัวการจะอ้างว่าเป็นการฝากกับผู้จัดการเป็นส่วนตัวไม่ได้ โจทก์ออกเช็คสั่งจ่ายเงินที่ฝาก ธนาคารจำเลยสาขาดำเนินสดวกก็จ่ายเงินให้ทุกครั้ง ถ้าหากเป็นเรื่องฝากส่วนตัวทำไมจึงจ่ายเงินของธนาคารให้ และทำไมจึงออกใบแจ้งยอดเงินคงเหลือว่าโจทก์มีเงินคงเหลือในธนาคารเท่านั้นเท่านี้ เป็นการรับรู้ว่าฝากเงินนอกสถานที่ก็เป็นกิจการของธนาคาร สาเหตุสำคัญที่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมรับผิดก็เฉพาะรายที่ผู้จัดการรับฝากมาแล้วไม่เอาเข้าบัญชีธนาคาร ซึ่งเป็นเรื่องตัวแทนไม่ส่งทรัพย์สินที่ได้มาแก่ตัวการ จะปฏิเสธความรับผิดว่าทำการนอกเหนืออำนาจนั้น ปฏิเสธไม่พ้น
หนังสือแจ้งยอดเงินคงเหลือซึ่งเป็นหนังสือของธนาคารสาขาดำเนินสดวกของจำเลยมีถึงโจทก์ ย่อมเป็นหนังสือของธนาคารจำเลย จำเลยจะอ้างว่าเป็นหนังสือส่วนตัวของผู้จัดการสาขาหาได้ไม่ เพราะจำเลยแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ผู้จัดการ มีอำนาจเป็นตัวแทนจำเลย
ข้อที่จำเลยเคยแจ้งความกล่าวหาผู้จัดการสาขาธนาคารทางอาญาว่าไม่เอาเงินเข้าบัญชี จึงเป็นการยักยอกเงินของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่า คำแจ้งความเช่นนี้ไม่เปลี่ยนความรับผิดของจำเลย เพราะโจทก์ยังยืนยันอยู่ว่าฝากเงินกับธนาคาร แต่ผู้จัดการไม่เอาเงินเข้าบัญชี ถ้าการฝากเงินนั้นเป็นการฝากต่อธนาคาร เงินก็เป็นของธนาคาร ธนาคารเป็นผู้รับฝาก ธนาคารก็ต้องคืนเงิน การฝากเงินนั้นผู้จัดการรับฝากทำให้ฐานะเป็นตัวแทนธนาคาร ธนาคารก็ต้องรับผิด
พิพากษายืน.
(พจน์ ปุษปาคม วงษ์ วีระพงศ์ ศริ มลิลา)

Share