คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4358/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันและทายาทผู้รับมรดกของ ส. ชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีแทน ส.จำเลยให้การว่าผู้ตายเป็นหนี้โจทก์หรือไม่ จำเลยไม่ทราบ ผู้ตายไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้อง ดังนี้เป็นคำให้การที่ปฏิเสธฟ้องของโจทก์ โจทก์มีภาระที่จะต้องพิสูจน์ให้ฟังได้ว่า ส. เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้อง แต่เอกสารที่โจทก์อ้างประกอบคำเบิกความพยานโจทก์ซึ่งเป็นหลักฐานแห่งหนี้ปรากฏยอดเงินเป็นศูนย์โดยที่โจทก์มิได้อธิบายถึงความเป็นมาแห่งจำนวนหนี้ โจทก์จะให้ศาลฟังว่ายังมีหนี้ตามบัญชีนี้อยู่อีกย่อมไม่ได้จึงต้องฟังว่า ส. มิได้เป็นหนี้โจทก์
บัญชีพาสท์ดิวที่โจทก์ยื่นมาท้ายอุทธรณ์เพื่อแสดงว่ามีการโอนหนี้มายังบัญชีพาสท์ดิวนั้น เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)และไม่ใช่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกาไม่รับฟัง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายสุรพล เคี่ยนเมธี ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์แล้วตายลง จำเลยเป็นผู้ค้ำประกันและเป็นทายาทผู้รับมรดก ขณะที่ตายนายสุรพลเป็นหนี้โจทก์ ๑,๕๕๘,๗๓๐.๒๐ บาท ขอให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ผู้ตายจะเป็นหนี้โจทก์หรือไม่ไม่ทราบ หลังจากโจทก์ทวงถามหรือผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว โจทก์จะคิดดอกเบี้ยทบต้นไม่ได้ ผู้ตายไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า นายสุรพลไม่ได้เป็นหนี้โจทก์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหามีว่านายสุรพล เคี่ยนเมธี เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยให้การว่าผู้ตายเป็นหนี้โจทก์หรือไม่จำเลยไม่ทราบ จึงต้องถือว่าผู้ตายยังเป็นหนี้โจทก์อยู่จริงนั้น เห็นว่าแม้ว่าคำให้การเช่นนี้จะเป็นคำให้การลอย ๆ จำเลยไม่มีประเด็นจะนำสืบก็ตามแต่ก็เป็นการปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของโจทก์ว่านายสุรพลไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้อง ทั้งจำเลยยังให้การต่อสู้อีกประการหนึ่งว่า หลังจากโจทก์ทวงถามหรือผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว โจทก์จะคิดดอกเบี้ยทบต้นไม่ได้ผู้ตายไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องด้วย โจทก์จึงมีภาระที่จะต้องพิสูจน์ให้ฟังได้ว่านายสุรพลเป็นหนี้โจทก์ตามที่ฟ้องจริง เมื่อบัญชีเอกสารหมาย จ.๑๒ ที่ส่งประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์เป็นหลักฐานแห่งหนี้รายนี้ปรากฏยอดเงินในหน้าสุดท้ายเป็นศูนย์ จึงต้องฟังว่านายสุรพลมิได้เป็นหนี้โจทก์เลย ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แปลความหมายของเอกสารหมาย จ.๑๒ แผ่นที่ ๕๘ ในบรรทัดสุดท้ายซึ่งมีรหัสว่า WBL ไม่ถูกต้องและโจทก์มิได้ส่งคำแปลภาษาต่างประเทศต่อศาล ศาลจึงรับฟังส่วนที่เป็นภาษาไทยอื่น ๆ ไม่ได้ แต่ให้รับฟังพยานบุคคลของโจทก์เพียงอย่างเดียวว่าผู้ตายเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องนั้น เห็นว่าโจทก์เป็นฝ่ายส่งบัญชีเอกสารหมาย จ.๑๒ เป็นหลักฐานแห่งหนี้ เมื่อยอดหนี้ตามบัญชีปรากฏว่าเป็นศูนย์โดยที่โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายมีภาระการพิสูจน์มิได้อธิบายถึงความเป็นมาแห่งจำนวนหนี้ดังกล่าวดังนี้จะให้ศาลฟังว่าความจริงยังมีหนี้ตามบัญชีนี้อีกย่อมไม่ได้ ส่วนโจทก์ฎีกาว่าศาลควรรับฟังเอกสารที่โจทก์แนบมาพร้อมอุทธรณ์เพื่อแสดงว่ามีการตัดยอดบัญชีเพื่อโอนหนี้มายังบัญชีพาสท์ดิวนั้นเห็นว่า การที่โจทก์ยื่นเอกสารบัญชีพาสท์ดิวมาท้ายฟ้องอุทธรณ์ เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งตามมาตรา ๘๗ (๒) และไม่ใช่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกาจึงไม่รับฟังพยานหลักฐานนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share