คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4251/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์ได้กล่าวบรรยายฟ้องด้วยว่า โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยที่ 1 ไม่ส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าคืนและครอบครองใช้ทรัพย์สินที่เช่าของโจทก์ตลอดมา อันเป็นการผิดสัญญาเช่าที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ทำไว้ต่อกัน และจำเลยที่ 1 ตกลงชำระค่าเสียหายดังกล่าวรวมทั้งค่าขาดราคาทรัพย์สินที่เช่าเมื่อได้มีการเลิกสัญญานั้นแล้วด้วย แม้คำฟ้องจะใช้ถ้อยคำบางตอนว่าฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระก็ตาม กรณีก็ถือได้ว่าข้อที่โจทก์ฟ้องเรียกร้องมานั้นเป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายโดยอาศัยเหตุมาจากการเลิกสัญญาเช่า และถือได้ว่าตามคำฟ้องของโจทก์ได้เรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสี่เป็น 2 ประการ คือ ค่าเสียหายที่โจทก์ผู้ให้เช่าต้องขาดประโยชน์ที่ควรจะได้จากการเอาทรัพย์สินที่เช่าออกให้เช่าประการหนึ่ง และค่าขาดราคาทรัพย์สินที่เช่าอีกประการหนึ่ง ซึ่งค่าเสียหายทั้งสองกรณีนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือกฎหมายอื่นมิได้บัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ คดีจึงมีกำหนดอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาเช่าหัวรถบรรทุกจากโจทก์ โดยมีจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ เป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ภายหลังทำสัญญาจำเลยที่ ๑ ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าอันเป็นการผิดสัญญาเช่า จำเลยทั้งสี่จึงต้องร่วมกันรับผิดชำระค่าเช่าที่ค้างชำระและค่าเสียหายเป็นเงิน ๖๘๒,๙๒๙.๔๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงิน ๒,๗๔๘,๐๕๗.๔๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ให้การว่า ฟ้องโจทก์เป็นกรณีเรียกร้องค่าเช่าที่ค้างชำระซึ่งมีกำหนดอายุความสองปี และค่าเสียหายอันเกี่ยวแก่สัญญาเช่าซึ่งเป็นหนี้อุปกรณ์และมีกำหนดอายุความ ๖ เดือน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๔ (๖) และมาตรา ๕๖๓ ตามลำดับ คดีโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว ค่าเสียหายทั้งหมดที่โจทก์เรียกร้องมาสูงเกินไปและโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๔ ขาดนัดยื่นคำให้การ และจำเลยทั้งสี่ขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงิน ๑,๙๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๔๒) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้นำเงินประกันการเช่า ๓๓๖,๔๔๘.๖๐ บาท ที่จำเลยที่ ๑ ได้วางไว้แก่โจทก์มาคำนวณหักออกให้ด้วย กับให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า แม้ตามคำฟ้องของโจทก์จะใช้ถ้อยคำบางตอนว่าฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระก็ตาม แต่ตามคำฟ้องของโจทก์ก็ได้กล่าวบรรยายฟ้องด้วยว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยที่ ๑ ไม่ส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าคืนและครอบครองใช้ทรัพย์สินที่เช่าของโจทก์ตลอดมาอันเป็นการผิดสัญญาเช่าที่โจทก์และจำเลยที่ ๑ ทำไว้ต่อกัน และจำเลยที่ ๑ ตกลงชำระค่าเสียหายดังกล่าวรวมทั้งค่าขาดราคาทรัพย์สินที่เช่าเมื่อได้มีการเลิกสัญญานั้นแล้วด้วย กรณีจึงถือได้ว่าข้อที่โจทก์ฟ้องเรียกร้องมานั้นเป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายโดยอาศัยเหตุมาจากการเลิกสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ และถือได้ว่าตามคำฟ้องของโจทก์ได้เรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสี่เป็น ๒ ประการ คือ ค่าเสียหายที่โจทก์ผู้ให้เช่าต้องขาดประโยชน์ที่ควรจะได้จากการเอาทรัพย์สินที่เช่าออกให้เช่าประการหนึ่ง และค่าขาดราคาทรัพย์สินที่เช่าอีกประการหนึ่งซึ่งค่าเสียหายทั้งสองกรณีนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือกฎหมายอื่นมิได้บัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีกำหนดอายุความสิบปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๐ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์เข้ายึดถือครอบครองเอาคืนซึ่งหัวรถบรรทุกที่เช่าเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๐ สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ จึงเป็นอันเลิกกันนับแต่วันดังกล่าว โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๔๒ ยังไม่พ้นกำหนดสิบปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่๓ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

นายณัฐพล จุลละเกศ ผู้ช่วยฯ/ย่อสั้น
นายเจษฎา ชุมเปีย ย่อยาว
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นางอัปสร หิรัญบูรณะ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ

Share