คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4245/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนการนำพยานมาให้สอบสวนและยกคำร้องขออนุญาตนำพยานหลักฐานมาให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนใหม่ในชั้นตรวจคำขอรับชำระหนี้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 105 ลำพังความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หามีผลบังคับไม่ ศาลอาจวินิจฉัยยกหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น กรณีไม่เป็นการกระทำหรือคำวินิจฉัยที่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายตามมาตรา 146 ดังนี้ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องให้ศาลสั่งกลับคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้นัดสอบสวนพยานหลักฐานประกอบคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ขอเลื่อนวันนัดสอบสวนออกไปแต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ต่อมาผู้ร้องจึงได้ยื่นคำร้องขออนุญาตนำพยานหลักฐานมาให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องอีก ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายเนื่องจากไม่อาจนำพยานหลักฐานเข้าพิสูจน์หนี้ได้ ขอให้มีคำสั่งกลับคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการสอบสวนพยานหลักฐานประกอบคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องต่อไป
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งให้ผู้ร้องเลื่อนการนำพยานมาให้สอบสวน และมีคำสั่งยกคำร้องที่ขออนุญาตนำพยานหลักฐานมาให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนใหม่ โดยเห็นว่า ผู้ร้องได้ขอเลื่อนการสอบสวนมาเป็นครั้งที่สี่ เป็นการประวิงคดีให้ล่าช้าผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมายล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะทำความเห็นตามพยานหลักฐานเท่าที่มีอยู่ในสำนวนเท่านั้น คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่า การกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 146 หรือไม่ เห็นว่ากรณีเป็นเรื่องชั้นการตรวจคำขอรับชำระหนี้ ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจสอบสวนในคดีเรื่องหนี้สิน แล้วทำความเห็นส่งสำนวน เรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระหนี้ต่อศาล ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 105 บัญญัติไว้ การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนการนำพยานมาให้สอบสวน และมีคำสั่งยกคำร้องที่ขออนุญาตนำพยานหลักฐานมาให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนใหม่ย่อมเป็นการกระทำในขั้นตอนของการสอบสวนตรวจคำขอรับชำระหนี้เท่านั้น และยังไม่เป็นการแน่นอนว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะทำความเห็นควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง ซึ่งแม้ต่อมาหากปรากฏว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำความเห็นควรอนุญาตหรือให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องเสียด้วยเหตุใดก็ตาม ลำพังความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวก็หามีผลบังคับแต่อย่างใดไม่ เนื่องจากศาลอาจวินิจฉัยยกหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นได้ คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวข้างต้นจึงยังไม่เป็นการกระทำหรือคำวินิจฉัยที่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 146 ผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องให้ศาลสั่งกลับคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในชั้นนี้…”
พิพากษายืน.

Share