แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ท.ยิงผู้ตายแล้วไปรับเอากระสุนปืนจากจำเลยมาใช้ยิงผู้ตายซ้ำอีกหลังจากนั้นจำเลยยังได้ส่งกุญแจรถจักรยานยนต์ให้ ท.เพื่อใช้ขับขี่หลบหนี พนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยในข้อหาช่วย ท. ให้หลบหนีเพื่อมิให้ถูกจับกุมอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ซึ่งโจทก์ในคดีนี้เป็นโจทก์ร่วมในคดีดังกล่าว ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว โจทก์ยังฟ้องจำเลยในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดโดยการช่วยเหลือส่งกระสุนปืนให้ ท. ยิงผู้ตายเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ การช่วยเหลือของจำเลยในคดีนี้กับคดีก่อนในการกระทำความผิดของ ท. เป็นการช่วยเหลือกระทำความผิดในคราวเดียวต่อเนื่องติดต่อกันไม่ขาดสายจนเป็นความผิดสำเร็จในข้อหาเป็นผู้สนับสนุน ท. ฆ่าผู้ตายและช่วยเหลือ ท.เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท เมื่อจำเลยถูกฟ้องในคดีก่อนจนศาลพิพากษาลงโทษและคดีถึงที่สุดไปแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยของโจทก์เป็นคดีนี้ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่นายทิวาหรือทวายหรือวาย บุญเผือก ด้วยการมอบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนก่อนและขณะกระทำความผิดให้นายทิวายิงประทุษร้ายนายบุญชิดหรือแจ้ ผาสุข บุตรของโจทก์ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และ ๘๖ นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๘๘๕/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง เห็นว่า คดีมีมูลรับประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และ ๘๖ จำคุก ๑๒ ปี นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๑๗๔/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามข้อนำสืบของโจทก์และจำเลยได้ความว่า ในวันเกิดเหตุนายทิวา ไปยืนอยู่ตรงมุมเขียงขายสุกรของนางอรุณีย์หรืออ้อย พันธ์อมตะ ภรรยาของจำเลย และมีอาการโกรธผู้ตาย ได้ชักอาวุธปืนพกออกจากเอวและถอดซองปืนออกวางไว้ที่เขียงขายสุกรของนางอรุณีย์ แล้วนายทิวาได้จ้องเล็งปืนไปยังผู้ตายซึ่งขณะนั้นกำลังนั่งอยู่ที่เขียงขายสุกรของผู้ตายเอง และได้ยิงผู้ตาย ๒ นัด ผู้ตายล้มลงที่พื้นตรงเขียงขายสุกร นายทิวาได้เดินไปตรงด้านข้างเขียงขายสุกรผู้ตายทางช่องประตู ยิงซ้ำผู้ตายอีก๓ นัด เมื่อยิงแล้วนายทิวาเดินไปที่เขียงขายสุกรของจำเลยและเอามือรับของจากมือของจำเลยที่ส่งให้ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นกระสุนปืน นายทิวาผลักถูกไม่ออกจากปืนและเอาปลอกกระสุนปืนออกจากลูกโม่ นายทิวาบรรจุกระสุนปืนเข้าไปในลูกโม่และผลักลูกโม่กลับเข้าไปในตัวปืนเสร็จแล้ว นายทิวาเดินตรงไปที่เขียงขายสุกรของผู้ตาย ได้ยิงผู้ตายอีก ๒ นัด แล้วนายทิวาเข้าไปในเขียงขายสุกรของผู้ตายหยิบเอาเงินใส่กระเป๋า ต่อจากนั้นนายทิวาเดินไปที่เขียงขายสุกรของจำเลย จำเลยได้ส่งกุญแจรถจักรยานยนต์ให้แก่นายทิวา เมื่อนายทิวารับกุญแจจากจำเลยแล้วได้เดินไปที่รถจักรยานยนต์และใช้กุญแจไขสวิตซ์ติดเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ แต่เครื่องยนต์ไม่ติดเครื่อง จึงเข็นรถจักรยานยนต์ออกจากตลาดหลบหนีไป ปรากฏว่าพนักงานอัยการจังหวัดระยองได้ฟ้องนายทิวาในความผิดฐานมีอาวุธปืนพกไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงาน และมีกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า และฐานลักเอาเงินของผู้ตายไปจำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๓๓๔ และ ๙๐ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗,๘ ทวิ, ๗๒ และ ๗๒ ทวิ และฟ้องจำเลยในข้อหาช่วยนายทิวาให้หลบหนีเพื่อมิให้ถูกจับกุมอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙ ซึ่งโจทก์ในคดีนี้เป็นโจทก์ร่วมในคดีดังกล่าวด้วยซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษนายทิวาและจำเลยไปแล้วตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๑๗๔/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้น แล้วโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดโดยการช่วยเหลือส่งกระสุนปืนให้นายทิวายิงผู้ตายอีก ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่าการช่วยเหลือของจำเลยในคดีนี้กับคดีก่อนในการกระทำความผิดของนายทิวา เป็นการช่วยเหลือกระทำผิดในคราวเดียวต่อเนื่องติดต่อกันไม่ขาดสายจนเป็นความผิดสำเร็จ ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนนายทิวาฆ่าผู้ตายและช่วยเหลือนายทิวาเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ฉะนั้น เมื่อจำเลยถูกฟ้องในคดีก่อนจนศาลพิพากษาลงโทษและคดีถึงที่สุดไปแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยของโจทก์เป็นคดีนี้ ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙(๔) จึงต้องยกฟ้องโจทก์
พิพากษายืน