แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การแสดงความอาฆาตมาดร้ายตาม มาตรา 30 นั้น ต้องเป็นเรื่องแสดงความอาฆาตว่าจะทำร้ายภายใน 2 ปี
พฤติการณ์ที่แสดงว่า แสดงอาฆาตจะทำร้ายในระยะเวลาภายใน 2ปี
ฟ้องโจทก์หาว่า จำเลยกล่าวอาฆาตว่า มึงเป็นพยานให้โจทก์เรื่องโจรสลัด ไม่ถึง 10 ปีต้องตาย โดยจะให้นายแช่มทำร้ายเสีย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกล่าวว่า ‘มึงเป็นพยานผัวกูติดไม่เกิน 10 ปีออกมาพวกมึงต้องตาย’ ดังนี้ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยกล่าวแสดงอาฆาตมาดร้ายต่อนักโทษขายคำอ้าย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 31
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์นำสืบถึงถ้อยคำที่จำเลยกล่าวอาฆาตผิดไปจากที่กล่าวในฟ้อง พิพากษากลับศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องว่า “มึงเป็นพยานให้โจทก์เรื่องโจรสลัด ไม่ถึง 10 ปีต้องตาย โดยจะให้นายแช่มทำร้ายเสีย” นั้น เป็นคำกล่าวแสดงอาฆาตมาดร้ายได้ แม้กฎหมายลักษณะอาญาจะบัญญัติเอาโทษเพียงให้ประกันทานบนไว้ภายในระยะ 2 ปี มิได้มุ่งคุ้มครองจนถึงเวลา 10 ปีดังที่จำเลยกล่าวก็ตาม เพราะถ้อยคำที่จำเลยกล่าวนั้นอาจตีความได้ว่า จำเลยอาจกระทำการดังที่กล่าวอาฆาตนั้นภายในเดือนหนึ่งหรือสองเดือนก็ได้ ส่วนปัญหาว่า ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวตามที่โจทก์สืบได้ความตามทางพิจารณาว่า จำเลยกล่าวว่า “มึงเป็นพยานผัวกูติดไม่เกิน 10 ปี ออกมาพวกมึงต้องตาย” นั้นก็คงมีใจความอย่างเดียวกับที่โจทก์กล่าวในฟ้อง คลาดเคลื่อนแต่เฉพาะถ้อยคำบางคำซึ่งหาทำให้เปลี่ยนแปลงความหมายหรือข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นไม่ ยังไม่พอถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้องพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ให้เรียกประกันทานบนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น