คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยนำธนบัตรไทยเข้ามาในประเทศมีมูลค่าเกินกว่ากำหนดโดยไม่ได้รับอนุญาต ความผิดของจำเลยอยู่ที่การนำธนบัตรไทยซึ่งมีมูลค่าเกินกว่าห้าร้อยบาทเข้ามาในประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ธนบัตรไทยดังกล่าวมิใช่ทรัพย์สินที่ผู้ใดมีไว้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 และพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินก็มิได้บัญญัติเรื่องการริบของกลางไว้ จึงริบไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจนำเงินแท่งและเหรียญโลหะเงินรวมราคา ๑๔,๔๑๐ บาท ซึ่งเป็นของต้องห้ามต้องจำกัดเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยมิเสียภาษีและผ่านด่านศุลกากรโดยถูกต้อง และจำเลยได้นำเงินตราธนบัตรไทยรวม ๖,๐๒๐ บาท เข้ามาในประเทศซึ่งเกินกว่ามูลค่าห้าร้อยบาทที่รัฐมนตรีกำหนด โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร ฯ พระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พ.ศ. ๒๔๘๕ ฯ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒, ๙๑ ให้ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฟ้องริบเงินแท่งและเงินอินโดจีนของกลางส่วนธนบัตรไทยจำนวน ๖,๐๒๐ บาท ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิดไม่ริบ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบธนบัตรไทย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยมิได้บัญญัติเรื่องการริบของกลางไว้ แสดงว่าพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ประสงค์ให้ริบของกลาง ที่โจทก์ฎีกาขอให้ริบธนบัตรไทยของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒ นั้น เห็นว่าความผิดของจำเลยอยู่ที่การนำธนบัตรไทยซึ่งมีมูลค่าเกินกว่าห้าร้อยบาทเข้ามาในประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ธนบัตรไทยดังกล่าวมิใช่ทรัพย์สินที่ผู้ใดมีไว้เป็นความผิด จึงริบไม่ได้
พิพากษายืน

Share