คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4072/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมจำเลยอาศัยที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าของโจทก์อยู่ เมื่อโจทก์ทั้งสามไปขอให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) สำหรับที่ดินของโจทก์รวมถึงที่ดินพิพาทด้วย จำเลยคัดค้านจึงออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาทไม่ได้ การที่จำเลยคัดค้าน ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยได้บอกกล่าวไปยังโจทก์ทั้งสามแล้วว่าจำเลย ไม่เจตนาจะยึดถือที่ดินพิพาทแทนผู้ครอบครองต่อไปโดยตนเป็น ผู้ครอบครองเองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 ซึ่งโจทก์จะต้องฟ้องคดีเพื่อเอาคืนภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่ง การครอบครอง เมื่อโจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยคัดค้าน การรังวัดที่ดินพิพาทเพื่อออก น.ส.3 ก.ให้โจทก์ โจทก์จึงหมดสิทธิ ที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาท แม้โจทก์จะคัดค้าน การออก น.ส.3 ก. ของจำเลยในที่ดินพิพาทก็ไม่ทำให้สิทธิ การครอบครองของจำเลยเสียไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสามเป็นเจ้าของที่ดินมือเปล่าและให้จำเลยอยู่อาศัย ต่อมาโจทก์ได้ขอให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จำเลยคัดค้านว่าที่ดินบางส่วนเป็นของจำเลย เจ้าพนักงานที่ดินจึงไม่อาจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ส่วนที่จำเลยคัดค้านได้และต่อมาจำเลยได้ขอให้ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินส่วนซึ่งจำเลยอยู่อาศัย โจทก์ได้คัดค้านและฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย โดยจำเลยได้แย่งการครอบครองที่ดินพิพาทมาเกิน ๑ ปีแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ขณะนี้จำเลยยึดที่ดินพิพาทอยู่ คงมีปัญหาว่าจำเลยหรือโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท โจทก์เบิกความว่าจำเลยอาศัยที่ดินพิพาทของโจทก์อยู่ ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์ที่ ๑ เบิกความต่อไปว่าเมื่อปี ๒๕๒๑ โจทก์ทั้งสามได้ไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) สำหรับที่ดินของโจทก์ซึ่งรวมถึงที่ดินพิพาทด้วย แต่จำเลยคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดิน จึงออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาทไม่ได้ เห็นว่าการที่จำเลยคัดค้านในการที่เจ้าพนักงานจะออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยได้บอกกล่าวไปยังโจทก์ทั้งสามแล้วว่า จำเลยไม่เจตนาจะยึดถือที่ดินพิพาทแทนผู้ครอบครองต่อไป โดยตนเป็นผู้ครอบครองเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๑ ซึ่งโจทก์จะต้องฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองภายใน ๑ ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองปรากฏว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้เกิน ๑ ปีนับแต่วันที่จำเลยคัดค้านการรังวัดที่ดินพิพาทเพื่อออก น.ส.๓ ก. ให้โจทก์ โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองในที่ดินพิพาท ที่โจทก์คัดค้านการออก น.ส.๓ ก. ของจำเลยในที่ดินพิพาท ไม่ทำให้สิทธิการครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยเสียไปแต่อย่างใด ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share