คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4054/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักยางอะไหล่รถยนต์โดยใช้เครื่องมือถอดยางอะไหล่ของกลางในการกระทำผิด และขอให้ริบของกลางเครื่องมือดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดศาลมีอำนาจสั่งริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)แต่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาโดยไม่มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องของกลางดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษาให้ริบของกลาง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักเอายางอะไหล่รถยนต์จำนวน1 เส้น ราคา 1,500 บาท ของนางวันนา ไขยหาญผู้เสียหายไปโดยทุจริต จำเลยลงมือกระทำความผิดแล้วแต่กระทำไปไม่ตลอดเนื่องจากติดกุญแจโซ่ที่คล้องยางอะไหล่ดังกล่าวและเจ้าพนักงานเห็นและจับจำเลยได้เสียก่อนจำเลยจึงลักทรัพย์ดังกล่าวไปไม่ได้ทั้งนี้โดยจำเลยได้ใช้รถยนต์กระบะเป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การลักทรัพย์การพาทรัพย์ดังกล่าวไป และเพื่อให้พ้นการจับกุมหลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานจับจำเลยได้และยึดเครื่องมือถอดยางอะไหล่ 1 อัน ที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334,336 ทวิ, 80, 33 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 336 ทวิ, 80, 33จำคุก 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ทรัพย์ที่จำเลยจะลักเอาไปเป็นยางอะไหล่รถยนต์มีราคาเพียง 1,500 บาท ซึ่งเป็นเงินไม่มากนัก เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนและโทษจำคุกที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดก็เป็นโทษจำคุกระยะสั้นคดีมีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลยเพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวซึ่งน่าจะเป็นทางแก้ที่ดีกว่า ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษให้จำเลยนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำและระมัดระวังไม่ไปกระทำความผิดอีก ศาลฎีกาเห็นสมควรรอการลงโทษจำคุกไว้ โดยกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติของจำเลยและลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งด้วย
อนึ่ง เครื่องมือถอดยางอะไหล่ของกลางนั้น เป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิด ศาลมีอำนาจสั่งริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) แต่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาโดยไม่มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องของกลางดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับจำเลย 3,000 บาทอีกสถานหนึ่ง เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับ 1,500 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 และให้คุมความประพฤติของจำเลยไว้ โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง มีกำหนด 1 ปี หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30และให้ริบเครื่องมือถอดยางอะไหล่ของกลางเสียด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share