คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กฎหมายจะรับรองให้ผู้รับจำนองมีสิทธิบังคับจำนองได้ต่อเมื่อผู้รับจำนองได้มีจดหมายบอกกล่าวไปยังลูกหนี้เสียก่อนและลูกหนี้ละเลยไม่ปฏิบัติตามฉะนั้น เมื่อโจทก์จะแสวงหาสิทธิ ‘บังคับจำนอง’ โจทก์ก็จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดเสียก่อน
การฟ้องคดีต่อศาลเป็นอำนาจฟ้องตามกฎหมายและปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้อง แม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นก็ยกขึ้นในศาลอุทธรณ์ได้เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระหนี้จำนอง หากจำเลยไม่สามารถไถ่ถอนได้ ก็ให้ทรัพย์จำนองหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์

จำเลยสู้ว่า ได้ชำระหนี้สินรายนี้หมดสิ้นแล้ว

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยไถ่จำนอง ถ้าไม่ไถ่ก็ให้ยึดทรัพย์ขายทอดตลาดใช้โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มิได้บอกกล่าวบังคับจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728 จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การบังคับจำนองนั้นโจทก์จะต้องมีจดหมายบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ก่อนว่าให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควร โดยกำหนดเวลาให้ในคำบอกกล่าวนั้น และถ้าลูกหนี้ละเลย ไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าว โจทก์จึงจะมีสิทธิบังคับจำนองได้ตามกฎหมายดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728

การฟ้องคดีต่อศาลเพื่อให้พิพากษาสั่งยึดทรัพย์สินซึ่งจำนองและให้ขายทอดตลาด ฯลฯ เป็นอำนาจฟ้องตามกฎหมายสารบัญญัติ และปัญหาเกี่ยวด้วยอำนาจฟ้อง เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จะมิได้ยกขึ้นกล่าวในศาลชั้นต้น จำเลยก็มีสิทธิที่จะยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นศาลอุทธรณ์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจึงเป็นการชอบ

พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share