คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4048/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพฐานรับของโจร จำเลยที่ 2ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานรับของโจร ดังนี้ ถือได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ในข้อหาฐานรับของโจร เมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ต้องถือว่าข้อหารับของโจรสำหรับจำเลยที่ 1ยุติแล้วตั้งแต่ศาลชั้นต้นจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้พิพากษายกฟ้องในข้อหาลักทรัพย์ที่ศาลอุทธรณ์ต้องวินิจฉัยจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานรับของโจรไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เมื่อโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานลักทรัพย์ ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยข้อหาฐานลักทรัพย์ตามฎีกาของโจทก์โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 335, 357

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพฐานรับของโจร

จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 1 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 8 เดือน ให้ยกฟ้องข้อหาลักทรัพย์สำหรับจำเลยที่ 2

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคแรก ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้องโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า สำหรับปัญหาข้อแรกที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานลักทรัพย์นั้น คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานลักทรัพย์ ซึ่งถือได้ว่าศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ในข้อหารับของโจรเมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์จึงต้องถือว่าข้อหาฐานรับของโจรเฉพาะจำเลยที่ 1 ยุติไปแล้วตั้งแต่ศาลชั้นต้น และยังปรากฏว่าจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ข้อให้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาลักทรัพย์เท่านั้น ประเด็นที่ศาลอุทธรณ์ต้องวินิจฉัยคือจำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1ฐานรับของโจรจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา คดีนี้ ศาลอุทธรณ์ยังมิได้พิจารณาความผิดในข้อหาฐานลักทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยข้อหาความผิดดังกล่าวไปโดยไม่ย้อนสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ (แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 ฟังไม่ได้ว่ากระทำความผิดฐานรับของโจร)

พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share