คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 393/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทได้แก้วันที่ลงในเช็คสองครั้ง ครั้งสุดท้ายวันที่ 1 ธันวาคม 2513 โจทก์ฟ้องคดีเรียกเงินตามเช็ควันที่ 25 พฤศจิกายน 2514 จึงไม่พ้นเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ตั๋วเงินถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002
ผู้สลักหลังเช็คเป็นประกันการใช้เงินตามเช็คนั้นต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกันและรับผิดร่วมกันกับผู้สั่งจ่ายตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 940, 967, 989
กำหนดเวลาที่ต้องยื่นเช็คแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 เป็นเรื่องเงือนไขแห่งสิทธิไล่เบี้ยของผู้ทรงเช็คต่อผู้สลักหลังโอนเช็คเท่านั้น ไม่รวมถึงกรณีที่ผู้ทรงเช็คใช้สิทธิไล่ เบี้ยต่อผู้สลักหลังเช็คเป็นประกันซึ่งต้องผูกพันในฐานะผู้รับอาวัลด้วย
โจทก์เพิ่งนำเช็คไปยื่นต่อธนาคาร เพื่อให้ใช้เงินหลังวันที่ลงในเช็คและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์เพราะเหตุผิดนัดแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นภรรยาจำเลยที่ ๒ ได้สั่งจ่ายเงินให้โจทก์ตามเช็คของธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาลพบุรี เลขที่ เค เอส ๑๙๙๙๒๒ ลงวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๑๓ เงิน ๘๕,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ เป็นผู้สลักหลัง เมื่อเช็คถึงกำหนดใช้เงินจำเลยทั้งสองขอผัด วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๑๔ โจทก์นำเช็คไปรับเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธเพราะเงินในบัญชีมีไม่พอจ่าย ขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยใช้เงิน ๘๕,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๑๓ ถึงวันสิ้นเดือนที่ฟ้องเป็นดอกเบี้ย ๖,๓๗๕ บาท และตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๑๔ เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะใช้เงินให้โจทก์เสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่าเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๑๒ โจทก์ฝากเงิน ๑๐๐ บาทให้จำเลยที่ ๑ ซื้อสลากกินรวบโจทก์ถูกรางวัล ๕๐,๐๐๐ บาท แต่ญาติของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้รับฝากเงินที่ซื้อได้เงินมาจากเจ้ามือเพียง ๓,๐๐๐ บาท โจทก์หาว่าจำเลยกับญาติยักยอกเงินรางวัลที่ค้างอยู่ ๔๗,๐๐๐ บาท จะพาตำรวจมาจับจำเลยข้อหาว่าเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ จำเลยจึงออกเช็คธนาคารกรุงเทพ เลขที่ ดี ๐๓๑๕๐๗ เงิน ๔๗,๐๐๐ บาท ให้โจทก์ไว้เป็นประกัน จำเลยกับญาติหาเงินส่งให้โจทก์ไม่พอเงินที่ค้าง โจทก์ให้จำเลยเปลี่ยนเช็คบวกดอกเบี้ยร้อยละ ๘ ต่อเดือนเป็นเงิน ๕๒,๑๐๐ บาท ตามเช็คเลขที่ เคเอส ๔๘๒๗๓๗ และคืนเช็คฉบับแรกให้จำเลยแล้วให้จำเลยเปลี่ยนเช็คบวกด้วยดอกเบี้ยอีก จำเลยออกเช็คฉบับที่สามเป็นเงิน ๗๖,๐๐๐ บาท แต่โจทก์ไม่ยอมจะเอาเงิน ๘๕,๐๐๐ บาทจำเลยจึงออกเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อเป็นประกันหนี้ที่ผิดกฎหมาย จำเลยกับญาติได้ใช้เงินตามเช็คพิพาทให้โจทก์จนเหลือเพียง ๕,๐๐๐ บาท และจำเลยที่ ๑ ได้แก้วันที่ลงในเช็คพิพาทเป็นวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๑๓ คดีโจทก์ขาดอายุความ โจทก์สิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ ๒ ผู้สลักหลังเช็ค
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า มูลหนี้ตามเช็คเอกสาร จ.๒ ไม่ได้เกิดจากการเล่นการพนันสลากกินรวบ และคดีโจทก์ไม่ขายอายุความ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์ ๘๕,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๑๓ จนกว่าจำเลยจะใช้เงินให้โจทก์เสร็จ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกาอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดียังฟังไม่ได้ว่าเช็คฉบับพิพาทตามเอกสาร จ.๒ เป็นเช็คที่เกิดจากมูลหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ใช้เงินตามเช็คฉบับนี้ให้แก่โจทก์จนเหลืออยู่เพียง ๕,๐๐๐ บาท
ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความเห็นว่าจำเลยที่ ๑ เบิกความรับว่าได้แก้วันที่ลงในเช็คสองครั้ง ครั้งสุดท้ายวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๑๓ เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ก็ไม่พ้นเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ลงในเช็คซึ่งเป็นวันที่ตั๋วเงินถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๐๒ เมื่อจำเลยที่ ๒ ได้สลักหลังเช็คเป็นประกันการใช้เงินตามเช็คนั้น จำเลยที่ ๒ ก็ต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกัน และรับผิดร่วมกันกับจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๔๐, ๙๖๗, ๙๘๙ และที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่ยื่นเช็คแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินในหนึ่งเดือนนับแต่วันออกเช็คเอกสาร จ.๒ จำเลยที่ ๒ จึงหลุดพ้นจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๙๐ วินิจฉัยว่ากรณีตามมาตรา ๙๙๐ เป็นเรื่องเงื่อนไขแห่งสิทธิไล่เบี้ยของผู้ทรงเช็คต่อผู้สลักหลังโอนเช็คเท่านั้นไม่รวมถึงผู้สลักหลังเช็คเป็นประกันซึ่งต้อง ผูกพันในฐานะผู้รับอาวัลด้วยไม่ จำเลยที่ ๒ จึงหาหลุดพ้นความรับผิดไม่
แต่ที่ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์เพิ่งจะนำเช็คไปยื่นต่อธนาคารเพื่อให้ใช้เงินหลังวันที่ลงในเช็คและธนาคารปฏิเสธการจ่าย เงินวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๑๕ จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์เพราะเหตุผิดนัดแต่วันนี้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่เฉพาะเรื่องดอกเบี้ยเป็นว่า ให้จำเลยร่วมกันเสียดอกเบี้ยแก่โจทก์ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๑๔ จนกว่าจะได้ใช้เงินให้โจทก์เสร็จ

Share