คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3899/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาว่าจำเลยที่ 5 ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในหนังสือสัญญาค้ำประกันในฐานะตำแหน่งนายอำเภอ มิใช่ลงลายมือชื่อในฐานะส่วนตัวและมิได้มีเจตนาให้ผูกพันเป็นการส่วนตัว เป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏจากคำฟ้องและพยานหลักฐานของโจทก์ชัดแจ้งว่าการที่จำเลยที่ 5 ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ในหนี้รายนี้เป็นการกระทำในฐานะนายอำเภอบางเลนมิใช่ในฐานะส่วนตัว ซึ่งโจทก์ทราบดีอยู่แล้ว สัญญาค้ำประกันดังกล่าวย่อมผูกพันผู้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอในขณะดำรงตำแหน่งเท่านั้น จำเลยที่ 5 ซึ่งพ้นจากตำแหน่งนายอำเภอบางเลนไปแล้ว จึงหาต้องรับผิดเป็นส่วนตัวไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทสมาคม มีจำเลยที่ 2,3 และ 4 เป็นผู้บริหารงาน ได้ทำสัญญาซื้อปุ๋ยไปจากโจทก์เป็นเงิน 4,000,000 บาทจำเลยรับปุ๋ยบางส่วนไปจากโจทก์แล้ว เมื่อถึงกำหนดชำระเงินจำเลยที่ 1 ไม่ชำระต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ผ่อนชำระหลายครั้ง คงค้างชำระ 1,660,000 บาท โจทก์ทวงถามจำเลยที่ 1 เพิกเฉย การซื้อขายปุ๋ยรายนี้มีจำเลยที่ 5 ลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกัน ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้ง 5 ร่วมกันชำระเงินที่ค้างอยู่พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยทั้ง 5 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ค้างชำระค่าปุ๋ยโจทก์อยู่ 1,660,000 บาทแต่คดีขาดอายุความแล้ว จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 กระทำตามวัตถุประสงค์และข้อบังคับของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ส่วนจำเลยที่ 5 เป็นผู้ค้ำประกันเมื่อโจทก์ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้แก่จำเลยหลายครั้ง โดยจำเลยที่ 5 ไม่ได้รู้เห็นให้ความยินยอมด้วย จำเลยที่ 5 จึงพ้นความรับผิด

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4กระทำการในฐานะตัวแทนไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว และจำเลยที่ 5 ผู้ค้ำประกันมิได้ตกลงยินยอมในการผ่อนเวลาชำระหนี้ จำเลยที่ 5 จึงหลุดพ้นจากความรับผิดพิพากษาให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2, ที่ 3, ที่ 4 และที่ 5 ให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ 5 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์มิใช่การผ่อนเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700จำเลยที่ 5 ยังไม่หลุดพ้นตามหนังสือสัญญาค้ำประกัน พิพากษาแก้เป็นว่าหากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระเงินให้โจทก์ ให้จำเลยที่ 5 ชำระแทน

จำเลยที่ 5 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าจำเลยที่ 5 ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในหนังสือสัญญาค้ำประกันในฐานะตำแหน่งนายอำเภอซึ่งจำเลยที่ 5 ดำรงตำแหน่งอยู่ขณะทำสัญญาอันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการไปตามตำแหน่งหน้าที่ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย มิใช่ลงลายมือชื่อในฐานะส่วนตัวและมิได้มีเจตนาให้ผูกพันเป็นการส่วนตัวนั้น เป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้อง ซึ่งเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาเห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเสียก่อน ข้อเท็จจริงปรากฏว่า การซื้อขายปุ๋ยตามฟ้องระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ตามเอกสารหมาย จ.1 ได้กระทำขึ้นเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2510 ในขณะที่จำเลยที่ 5 ดำรงตำแหน่งนายอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม จำเลยที่ 5 ได้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญาดังกล่าวด้วยแต่ได้ลงนามในฐานะประธานกรรมการควบคุมสมาคมฯ ในสัญญาค้ำประกันตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 ซึ่งตรงกับเอกสารหมาย จ.7 จำเลยที่ 5 ได้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์มีข้อความว่า “ข้าพเจ้า นายอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม โดยนายอาณัติ กระสินธุ์ ยินยอมที่จะเป็นผู้ควบคุมและเร่งรัดการจัดเก็บเงินของสมาคมชลประทานราษฎร์ อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ผู้ซื้อให้ทั้งสิ้นฯ หากเร่งรัดให้ชำระหนี้จากผู้ซื้อไม่ได้แล้ว จึงยินยอมให้เรียกให้ชำระหนี้จากข้าพเจ้าผู้ค้ำประกัน” แสดงเจตนาของผู้ค้ำประกันโดยชัดแจ้งว่าเป็นการค้ำประกันในฐานะนายอำเภอ มิใช่ค้ำประกันในฐานะส่วนตัว โจทก์เองก็ทราบถึงสถานภาพและการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 5 เป็นอย่างดี ทั้งปรากฏด้วยว่าหลังจากที่จำเลยที่ 5 ได้พ้นจากตำแหน่งนายอำเภอบางเลนไปแล้วเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2517 นายประสงค์ มีแสงแก้ว นายอำเภอบางเลน คนต่อมาได้ส่งเงินจำนวน 10,000 บาท ให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าปุ๋ยรายนี้โจทก์ก็รับไว้ดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.3 ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงปรากฏจากคำฟ้องและพยานหลักฐานของโจทก์ชัดแจ้งว่า การที่จำเลยที่ 5 ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ในหนี้รายนี้เป็นการกระทำในฐานะนายอำเภอ มิใช่ในฐานะส่วนตัว ซึ่งโจทก์ทราบดีอยู่แล้ว สัญญาค้ำประกันดังกล่าวย่อมผูกพันผู้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอในขณะที่ดำรงตำแหน่งเท่านั้น จำเลยที่ 5 จึงหาต้องรับผิดเป็นส่วนตัวไม่ ทั้งนี้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1597/2527 ระหว่างกรุงเทพมหานคร โจทก์สมาคมชลประทานราษฎร์ อำเภอบางไทร กับพวกจำเลย

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 5

Share