คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ข้อที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์ยังไม่ได้บอกกล่าวทวงถามจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงยังไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น จำเลยที่ 1 มิได้ยกข้อนี้ขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และปัญหาดังกล่าวมิใช่เรื่องที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 ได้สั่งซื้อทรายจากโจทก์เพื่อไปถมที่ดินของจำเลยที่ 1 และได้ตกลงเช่ารถยนต์บรรทุกและรถแทรกเตอร์จากโจทก์เพื่อใช้ในการอัดและเกลี่ยทรายที่บริเวณที่ดิน โจทก์ทวงถามให้ชำระเงินค่าทรายและค่าเช่ารถแล้วแต่ไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า ไม่เคยมอบหมายให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนสั่งซื้อทราย หรือเช่ารถยนต์บรรทุกและรถแทรกเตอร์จากโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 มิใช่กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 และไม่เคยเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ในการสั่งซื้อทรายถมที่ดินหรือเช่ารถแทรกเตอร์จากโจทก์ จำเลยที่ 1 หรือที่ 2 ไม่เคยเช่ารถแทรกเตอร์จากโจทก์เพื่อใช้บดอัดและเกลี่ยทรายตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาในข้อสุดท้ายทำนองว่าโจทก์ยังไม่ได้บอกกล่าวทวงถามแก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงยังไม่ตกเป็นผู้ผิดนัดและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า จำเลยที่ 1มิได้ยกข้อนี้ขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และปัญหาดังกล่าวมิใช่เรื่องที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายืน

Share