แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่กล่าวว่า พยานโจทก์เบิกความไม่ตรงต่อความเป็นจริง ผู้แทนโจทก์เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้จึงเป็นเหตุให้ศาลพิพากษาไปเช่นนั้นมิใช่เป็นการคัดค้านคำวินิจฉัยของศาล หากเป็นเรื่องที่จำเลยโต้แย้งคำเบิกความของพยานโจทก์หรือการกระทำของโจทก์ไม่ได้อ้างเหตุว่า คำพิพากษาของศาลไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนตรงไหนส่วนใดอันจะเป็นการคัดค้านคำพิพากษาของศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบ
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,300,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 27 มกราคม 2537 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ว่า ศาลปิดคำบังคับให้จำเลยทราบเมื่อวันที่19 พฤษภาคม 2538 แต่จำเลยเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2538 เพราะเดินทางไปต่างจังหวัดต่อมาได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่า โจทก์ฟ้องจำเลยโดยไม่สุจริตกล่าวอ้างมูลหนี้เกินกว่าความเป็นจริงจนศาลหลงเชื่อพิพากษาไปตามข้อความอันเป็นเท็จนั้นจึงขอคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลว่านางพัชรา กิจพิทักษ์ ผู้แทนโจทก์เบิกความเท็จว่าเดิมจำเลยเป็นหนี้โจทก์จำนวน 1,600,000 บาท ต่อมาจำเลยได้ชำระหนี้บางส่วนเป็นเงิน 300,000 บาท คงค้างชำระอยู่อีก 1,300,000 บาท ซึ่งความจริงจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่เพียง 1,328,510.24 บาท และได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ไปแล้ว 430,000 บาท คงค้างชำระอยู่เพียง 898,510.24 บาท นอกจากนี้ผู้แทนโจทก์ยังเรียกเก็บดอกเบี้ยจากจำเลยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ คำพิพากษาของศาลจึงไม่ถูกต้องกับความเป็นจริง ขอให้ศาลยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาและพิพากษาใหม่
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ตามคำร้องมิได้คัดค้านคำพิพากษาของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า มีเหตุที่จะขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ตามที่จำเลยร้องขอให้หรือไม่ เห็นว่า คำร้องของจำเลยไม่ได้อ้างเหตุว่า คำพิพากษาของศาลไม่ถูกต้อง หรือคลาดเคลื่อนตรงไหน ส่วนใดอันจะเป็นการคัดค้านคำพิพากษาของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง การที่จำเลยบรรยายมาในคำร้องข้อ 1 (ก) และ (ข) นั้นเป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวว่านางพัชรา กิจพิทักษ์ ผู้แทนโจทก์เบิกความไม่ตรงต่อความเป็นจริงส่วนข้อ 1 (ค) ก็เป็นเรื่องกล่าวว่า ผู้แทนโจทก์เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้จึงเป็นเหตุให้ศาลพิพากษาไปเช่นนั้นก็มิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลหากเป็นเรื่องที่จำเลยโต้แย้งคำเบิกความของพยานโจทก์หรือการกระทำของโจทก์ ฉะนั้นที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของจำเลยมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน