แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่าการที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำพิพากษาโดยนำสถานีบริการน้ำมันพิพาทไปเทียบเคียงกับสถานีบริการน้ำมันของบริษัท ช. และนำดัชนีราคาผู้บริโภคมาปรับอัตราค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนพิพาทเป็นการไม่ชอบนั้น เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานเพื่อกำหนดค่ารายปีของศาลภาษีอากรกลางถือเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อคดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทจำนวน 41,619.17 บาท ซึ่งไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรฯ มาตรา 25 การที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยย่อมเป็นการไม่ชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนหรือแก้ไขใบแจ้งรายการประเมินลงวันที่ 12 มีนาคม 2550 และใบแจ้งคำชี้ขาด เล่มที่ 13 เลขที่ 6 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2550 ให้จำเลยคืนเงินภาษี 41,619.17 บาท แก่โจทก์ภายในกำหนด 3 เดือน นับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด หากจำเลยไม่คืนภายในกำหนดดังกล่าว ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ครบกำหนดสามเดือนที่นับแต่คำพิพากษาถึงที่สุด
จำเลยให้การว่า เนื่องจากโรงเรือนพิพาทไม่มีค่าเช่าด้วยเหตุที่โจทก์ให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์โดยมิได้ระบุค่าตอบแทนที่สามารถนำมาคำนวณค่ารายปีได้ จำเลยจึงทำการประเมินและกำหนดค่ารายปีประจำปีภาษี 2550 โดยนำโรงเรือนอื่นที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงเรือนพิพาทของโจทก์ที่มีสภาพทำเล ที่ตั้ง ประกอบกิจการประเภทเดียวกันกับโจทก์จำนวน 4 ราย ซึ่งมีลักษณะการดำเนินกิจการเหมือนกัน คือ เช่าที่ดินจากผู้อื่นและปลูกสร้างอาคารบนที่ดินที่เช่าและให้สิทธิผู้อื่นดำเนินกิจการสถานีบริการน้ำมันแทนโดยไม่มีค่าเช่าและอยู่ในเขตพื้นที่เดียวกัน ถนนสายเดียวกัน และอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับสถานบริการน้ำมันพิพาทคือ บริษัทฟิฟท์รีเทล จำกัด (ปิโตรนาส) บริษัทการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด และบริษัทเชฟรอน (ไทย) จำกัด (ปั้มน้ำมันคาลเท็กซ์) ในการประเมินค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี 2550 ของโรงเรือนพิพาทมีการปรับปรุงค่ารายปี รายการที่ 2 ซึ่งเป็นสำนักงานและมินิมาร์ทรายการเดียวเท่านั้น ส่วนรายการอื่นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงส่วนที่โจทก์ต้องการให้เทียบเคียงกับสถานีบริการน้ำมันเลขที่ 1407 และสถานีบริการน้ำมันเลขที่ 11/111 สถานีบริการน้ำมันดังกล่าวเป็นสถานบริการน้ำมันรายเก่าประกอบการมาประมาณ 28 ปี ยังไม่เคยปรับปรุงอัตราค่าภาษีให้เป็นปัจจุบัน ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการของพนักงานเจ้าหน้าที่ หากดำเนินการตามโจทก์เสนอจะก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับสถานีบริการน้ำมันอื่นที่อยู่บนถนนสายเดียวกัน เนื่องจากถนนพัฒนาการเป็นถนนที่มีลักษณะเหมือนกันตลอดสาย อุดมสมบูรณ์ในด้านทรัพยากร ทั้งสิ่งปลูกสร้างเปลี่ยนไปจากสภาพเดิม มีการพัฒนาทั้งตัวถนนและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนจากชุมชนที่เป็นที่พักอาศัย เป็นชุมชนเมืองที่มีการพาณิชย์มากขึ้น ทั้งมีการตัดถนนสายใหม่เชื่อมจากถนนพัฒนาการกับถนนพระราม 9 ตัดใหม่ อยู่ในบริเวณที่โรงเรือนของโจทก์และโรงเรือนที่โจทก์ต้องการให้เทียบเคียง และสถานีบริการน้ำมันพิพาทได้รับประโยชน์โดยตรง มีผลทำให้ราคาสิ่งปลูกสร้างในบริเวณดังกล่าวมีราคาสูงขึ้น ราคาเช่าทรัพย์ย่อมสูงขึ้นตาม การนำดัชนีผู้บริโภคมาปรับอัตราค่ารายปีและค่าภาษีจึงไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นรายงานที่ไม่ตรงต่อสภาพความเป็นจริงเฉพาะพื้นที่ การประเมินภาษีของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยดังกล่าวได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน และเป็นไปตามข้อกฎหมาย จึงมิได้กำหนดให้ปรับปรุงค่ารายปีจากดัชนีราคาผู้บริโภคเท่านั้น แต่ให้ดำเนินการกำหนดอัตราค่าเช่าโดยเทียบเคียงกับโรงเรือนที่มีค่าเช่าด้วย จึงไม่มีเหตุต้องเพิกถอนการประเมินหรือแก้ไขคำชี้ขาดและต้องคืนเงินค่าภาษีพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้แก้ไขใบแจ้งรายการประเมิน ลงวันที่ 12 มีนาคม 2550 และใบแจ้งคำชี้ขาด เล่มที่ 13 เลขที่ 6 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2550 โดยให้ประเมินค่ารายปีจำนวน 658,486.66 บาท และค่าภาษีจำนวน 82,310.83 บาท ให้จำเลยคืนเงินภาษี 41,619.17 บาท ให้แก่โจทก์ภายในกำหนดสามเดือน นับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด หากไม่คืนภายในกำหนดให้ชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันครบกำหนด 3 เดือนนับแต่มีคำพิพากษาถึงที่สุดเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จให้แก่โจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “เห็นว่า การที่จำเลยทำการประเมินค่ารายปีสถานีบริการน้ำมันพิพาทโดยนำเทียบเคียงกับสถานีบริการน้ำมันของบริษัทฟิฟท์รีเทล จำกัด (ปิโตรนาส) เลขที่ 1348 บริษัทการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เลขที่ 2992 และบริษัทเชฟรอน (ไทย) จำกัด เลขที่ 11/111 เป็นการไม่ชอบเนื่องจากทำเลที่ตั้งและบริการสาธารณะที่ได้รับแตกต่างกับสถานีบริการน้ำมันพิพาทคงมีส่วนที่เทียบเคียงได้คือ สถานีบริการน้ำมันของบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เลขที่ 1407 ซึ่งอยู่ติดกับสถานีบริการน้ำมันพิพาท และการที่โจทก์ปรับค่ารายปีตามดัชนีราคาผู้บริโภคนั้นย่อมเป็นการเหมาะสมแล้ว เพราะดัชนีราคาผู้บริโภคเป็นสิ่งที่แสดงถึงภาวะค่าครองชีพและตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ทำให้การกำหนดค่ารายปีสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงได้อย่างหนึ่ง การคำนวณค่ารายปีของโจทก์จึงชอบด้วยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่า การที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำพิพากษา โดยนำสถานีบริการน้ำมันพิพาทไปเทียบเคียงกับสถานีบริการน้ำมันของบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เลขที่ 1407 ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร และนำดัชนีราคาผู้บริโภคมาปรับอัตราค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนพิพาทเป็นการไม่ชอบนั้น เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานเพื่อกำหนดค่ารายปีของศาลภาษีอากรกลางถือเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อคดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทจำนวน 41,619.17 บาท ซึ่งไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 25 การที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยย่อมเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้จำเลยค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพบ