แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
+ดีที่ศาลลงโทษเมียฐานยักยอก+ให้ใช้ราคาทรัพย์แล้วไม่ใช้+ ถ้าหากผัวมิได้อนุญาตหรือให้สัตยาบันในเรื่องนั้นแล้วเจ้าทรัพย์ไม่มีอำนาจยึดทรัพย์+เป็นสินบริคณห์ระวางผัวเมีย สินเดิม สินบริคณห์ หน้าที่นำสืบ ทรัพย์ที่เป็นสินเดิมถ้าไม่นำ+ว่าไม่ได้เอามาบริคณห์ถือ+เป็นสินบริคณห์
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความว่า น. ภรรยาผู้ร้องต้องหาในคดีอาชญา ศาลได้พิพากษาให้ลงโทษจำคุก ๑ ปีตามกฎหมายอาชญามาตรา ๓๑๔ กับให้ใช้ราคาทรัพย์ ๑๔๔ บาท น.ไม่ใช้ เจ้าทรัพย์จึงได้นำยึดบ้านเรืองซึ่งเป็นสินเดิมของจำเลย ผู้ร้อง ๆ ขัดทรัพย์อ้างว่าผู้ร้องมิได้อนุญาตให้จำเลยกระทำ แลไม่ได้ให้ สัตยาบันในหนี้สินรายนี้โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะยึดได้ เพราะเป็นสินบริคณห์ระวางผู้ร้องกับจำเลย
ศาลเดิมให้ยกคำร้องขัดทรัพย์
ศาลอุทธรณ์ให้ถอนการยึดทรัพย์
เจ้าทรัพย์ฎีกาว่ามีอำนาจยึดได้ตามฎีกาที่ ๗๔๕/๑๒๗ แลว่าศาลอุทธรณ์ยกมาตรา +๘ มาบังคับไม่ชอบ
ศาลฎีกาเห็นว่าทรัพย์รายพิพาทแม้จะเป็นสินเดิมของจำเลยก็คงเป็นสินบริคณห์เพราะเจ้าทรัพย์มิได้นำสืบว่าไม่ได้เอามาบริคณห์ แลตามฎีกาที่อ้างมานั้นเป็นหลักกฎหมายก่อนใช้ประมวลแพ่ง ความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลแพ่ง ฯ ตามกฎหมายอาชญามาตรา +๑ แลประมวลแพ่ง ฯ ม.๔๒๔ กล่าวคือเรื่องนี้ต้องพิจารณาด้วยกฎหมายในทางแพ่ง แต่คดีนี้ผู้ร้องหาได้รู้เห็นยินยอมอนุญาตหรือให้สัตยาบันไม่ แลตามมาตรา ๓๘ จำเลยไม่มีอำนาจที่จะทำการอันใดที่จะผูกพันสินบริคณห์ได้โดยมิได้รับอนุญาตของสามี จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ถอนการยึดทรัพย์