คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3833/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ฟ้องคดีโดยมิได้รับความยินยอมจากคู่สมรสเป็นข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถในการฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 วรรคสอง ซึ่งศาลมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจว่าสมควรจะให้แก้ไขข้อบกพร่องก่อนหรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์เพียงบางส่วน โจทก์ฟ้องคดีโดยมิได้รับความยินยอมจากคู่สมรส ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องคดีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากคู่สมรส จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นจัดการในเรื่องความสามารถในการฟ้องคดีของโจทก์เสียภายในกำหนดเวลาอันสมควรตามที่ศาลชั้นต้นจะสั่งแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา56 วรรคสอง กำหนดว่า เมื่อมีการบกพร่องในเรื่องความสามารถศาลอาจมีคำสั่งกำหนดให้แก้ไขข้อบกพร่องนั้นเสียให้บริบูรณ์ภายในกำหนดเวลาอันสมควรที่ศาลจะสั่ง จึงเป็นการให้อำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจว่าสมควรจะให้แก้ไขข้อบกพร่องก่อนหรือไม่ การที่โจทก์ฟ้องคดีโดยมิได้รับความยินยอมจากคู่สมรส ซึ่งเป็นข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถที่อาจแก้ไขได้ แต่ศาลชั้นต้นมิได้ใช้ดุลพินิจให้แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว และพิพากษายกฟ้องโจทก์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าไม่สมควรจะยกเรื่องข้อบกพร่องอันเกี่ยวกับความสามารถในการฟ้องคดีมาเป็นเหตุให้ยกฟ้องโจทก์ และได้สั่งกำหนดให้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถในการฟ้องคดีของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 วรรคสอง เช่นนี้ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งเช่นว่านั้นได้
พิพากษายืน

Share