คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3825/2562

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจฟ้องจำเลย และไม่ได้มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจฟ้องคดีในศาลชั้นต้น โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ถือว่าจำเลยปฏิเสธฟ้องโจทก์ว่าโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้ ส. ผู้รับมอบอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ จึงต้องอาศัยหนังสือมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐานว่าโจทก์มอบอำนาจให้ ส. ฟ้องคดีแทนหรือไม่ เมื่อหนังสือมอบอำนาจโจทก์ปิดอากรแสตมป์แล้ว แต่ไม่ได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์ ย่อมถือว่ายังไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ตามที่ ป.รัษฎากร มาตรา 118 บัญญัติไว้ จึงไม่อาจใช้หนังสือมอบอำนาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้ ส. ดำเนินคดีแทน และการที่โจทก์ดำเนินการเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงินในหนังสือมอบอำนาจก็เป็นเวลาภายหลังจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคำพิพากษาแล้ว ย่อมไม่มีผลเปลี่ยนแปลงการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 9

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 420,551.40 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 396,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 70,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2557 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้อง ต้องไม่เกิน 24,551.40 บาท ตามคำขอของโจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 7,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้โดยคู่ความไม่โต้แย้งในชั้นฎีกาว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 43242 และ 52668 พร้อมบ้าน 2 ชั้นครึ่ง เลขที่ 130/10 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว จำเลยประกอบอาชีพก่อสร้างอาคารเพื่อจัดสรรขาย และเป็นเจ้าของโครงการทาวน์โฮมพักอาศัย 3 ชั้น รวม 11 หลัง ตั้งอยู่ที่ถนนสามชัย ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินทั้งสองแปลงและบ้านของโจทก์ ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ติดอากรแสตมป์ในหนังสือมอบอำนาจแล้ว แต่ไม่ได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายสุวัฒน์ ฟ้องคดีและดำเนินคดีแก่จำเลยจนถึงที่สุดตามหนังสือมอบอำนาจฉบับลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2558 จำเลยไม่ให้การต่อสู้ว่าหนังสือมอบอำนาจไม่ถูกต้องหรือไม่มีการมอบอำนาจ หรือหนังสือมอบอำนาจไม่สมบูรณ์ เท่ากับรับว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายสุวัฒน์ฟ้องคดีแทน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84 แม้หนังสือมอบอำนาจไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ หรือปิดอากรแสตมป์แล้วแต่ไม่ได้ขีดฆ่า ต้องรับฟังว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายสุวัฒน์ฟ้องคดีแทนโจทก์ นั้น เห็นว่า จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจฟ้องจำเลย และไม่ได้มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจฟ้องคดีในศาลชั้นต้น โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้ ถือว่าจำเลยปฏิเสธฟ้องโจทก์ว่าโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้นายสุวัฒน์ผู้รับมอบอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ จึงต้องอาศัยหนังสือมอบอำนาจ เป็นพยานหลักฐานว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายสุวัฒน์ฟ้องคดีแทนหรือไม่ เมื่อหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวโจทก์ปิดอากรแสตมป์แล้ว แต่ไม่ได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์ ย่อมถือว่ายังไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ตามที่ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 บัญญัติไว้ จึงไม่อาจใช้หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวรับฟังเป็นพยานหลักฐานว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้นายสุวัฒน์ดำเนินคดีแทน การที่โจทก์ดำเนินการเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงินในหนังสือมอบอำนาจก็เป็นระยะเวลาภายหลังจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคำพิพากษาแล้ว ย่อมไม่มีผลเปลี่ยนแปลงการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 9 ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ฎีกาข้ออื่นของโจทก์นอกจากนี้ไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไป
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share