คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อผู้ตายมีคดีพิพาทอยู่กับผู้คัดค้าน สิทธิต่าง ๆ ของผู้ตายจะต้องมีผู้จัดการต่อไป และย่อมจะต้องจัดการเฉพาะทรัพย์สินอันเป็นมรดกของผู้ตายเพียงเท่าที่ผู้ตายมีสิทธิอยู่ ไม่ใช่เข้าไปจัดการซ้อนผู้จัดการในคดีที่ผู้คัดค้านกล่าวอ้าง การตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกในคดีนี้จึงไม่เป็นการตั้งผู้จัดการมรดกซ้ำ
ในคดีที่ร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก แม้ศาลจะสั่งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามที่ผู้ร้องอ้างว่ามีอยู่ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องก็ดี ก็หาตัดสิทธิผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่จะพิสูจน์ว่าตนมีสิทธิดีกว่าผู้ร้องไม่ และประเด็นแห่งคดีมีอยู่เพียงว่าสมควรจะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามคำร้องขอหรือไม่เท่านั้น
ผู้คัดค้านมิได้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย จึงไม่มีสิทธิจะคัดค้านการจัดตั้งผู้จัดการมรดก
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 188 (4) มิได้หมายความว่า ถ้าใครคัดค้านจะเป็นคู่ความไปเสียทั้งหมด คงหมายเฉพาะผู้คัดค้านที่จะคัดค้านได้เท่านั้น

ย่อยาว

ผู้ร้องทั้งสามร้องว่า นางศรี รักตประจิต ได้วายชนม์ นางศรีมีทรัพย์อันเป็นสินสมรสเกิดจากพระยาเพ็ชรปาณีผู้เป็นสามีกึ่งหนึ่ง ผู้ร้องทั้งสามเป็นบุตรและหลาน ขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางศรี
ผู้คัดค้านคัดค้านว่าผู้ร้องไม่ใช่บุตรของพระยาเพ็ชรปาณี ผู้ร้องที่ ๑ ร้องเรียนเท็จ ฯลฯ
ผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ตามคำร้องของผู้ร้องได้เป็นคดีกันที่ศาลแพ่ง ศาลได้วินิจฉัยถึงที่สุดแล้ว โดยตั้งผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นโดยยกคำร้องของผู้ร้องเสีย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ประเด็นคดีนี้มีเพียงว่าผู้ร้องสมควรจะเป็นผู้จัดการมรดกของนางศรีหรือไม่ คำร้องของผู้คัดค้านที่ว่าผู้ตายไม่มีทรัพย์มรดกเป็นเรื่องนอกประเด็น ให้ยกคำร้องขอให้วินิจฉัยเบื้องต้นและคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านเสีย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องทั้งสามเป็นผู้จัดการมรดกของนางศรี
ผู้คัดค้านอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
๑.ผู้คัดค้านฎีกาว่า ทรัพย์ตามบัญชีท้ายคำร้องเป็นทรัพย์มรดกของพระยาเพ็ชรปาณี ซึ่งศาลได้ตั้งผู้จัดการมรดกไว้แล้วตามสำนวนคดีของศาลแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๙๒๒/๒๕๐๖ จะตั้งผู้จัดการทรัพย์มรดกในคดีนี้ซ้ำอีกไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า สิทธิต่าง ๆ ของนางศรีจะต้องมีผู้จัดการต่อไป และผู้จัดการมรดกของนางศรีย่อมจะต้องจัดการเฉพาะทรัพย์สินอันเป็นมรดกของนางศรีเพียงเท่าที่นางศรีมีสิทธิอยู่ ไม่ใช่เข้าไปจัดการซ้อนผู้จัดการในคดีที่ผู้คัดค้านกล่าวอ้างการตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกในคดีนี้ จึงไม่เป็นการตั้งผู้จัดการมรดกซ้ำตามฎีกาของผู้คัดค้าน
๒. ผู้คัดค้านฎีกาว่า นางศรีไม่ใช่ภริยาของพระยาเพ็ชรปาณี นางศรีจึงไม่มีสินสมรสอะไรที่เป็นมรดกอันจะต้องมีผู้จัดการ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่นางศรีจะมีสิทธิในทรัพย์มรดกของพระยาเพ็ชรปาณีเพียงใด เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องว่ากล่าวกันต่างหาก ไม่เป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในคดีนี้ แม้ศาลจะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ก็หาตัดสิทธิผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่จะพิสูจน์ว่าตนมีสิทธิดีกว่าผู้ร้องไม่
๓. ผู้คัดค้านฎีกาว่า ศาลต้องดำเนินการพิจารณาคดีนี้อย่างคดีมีข้อพิพาท เพราะผู้คัดค้านได้ร้องคัดค้านตั้งประเด็นโต้แย้งขึ้นมาแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่า ข้ออ้างที่ผู้ร้องอาศัยเป็นหลักแห่งคำร้องก็คือ นางศรีตาย ผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรและหลานขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ประเด็นแห่งคดีมีอยู่เพียงว่า สมควรจะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามคำร้องขอหรือไม่เท่านั้น คำคัดค้านของผู้คัดค้านเป็นเรื่องอื่น ไม่เกี่ยวกับประเด็นในคดี ทั้งยังปรากฏว่าผู้คัดค้านมิได้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของนางศรี ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิจะคัดค้านการตั้งผู้จัดการมรดกรายนี้ อนึ่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘๘(๔) ที่ว่า ถ้าบุคคลอื่นใดนอกจากคู่ความที่ได้ยื่นฟ้องคดีอันไม่มีข้อพิพาทได้เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีโดยตรงหรือโดยอ้อม ให้ถือว่าบุคคลเช่นนั้นเป็นคู่ความ มิได้หมายความว่า ถ้าใครมาคัดค้านจะเป็นคู่ความไปเสียทั้งหมด แต่คงหมายเฉพาะผู้คัดค้านที่จะคัดค้านได้เท่านั้น
พิพากษายืน.

Share