แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ผู้ประกันขอลดค่าปรับโดยอ้างว่า ผู้ประกันมิได้เพิกเฉยละเลยต่อสัญญาประกันที่ทำไว้ต่อศาล ได้พยายามติดตามตัวจำเลยมาส่งศาลตลอดมา การผิดสัญญาประกันจึงมิใช่เจตนาร้ายแรง และการที่ผู้ประกันต้องชำระค่าปรับเต็มตามสัญญาประกัน ผู้ประกันต้องเดือดร้อนมากเนื่องจากได้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการติดตามจำเลยไปมาก ผู้ประกันเป็นราษฎรประกอบอาชีพโดยสุจริตและชรามากแล้ว สุขภาพไม่แข็งแรงมีลักษณะคล้ายกับเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก ต้องให้แพทย์รักษาอยู่ตลอดเวลาสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากนั้น ไม่เข้าลักษณะที่ศาลจะปรานีลดค่าปรับให้ผู้ประกันได้ เพราะจนถึงเวลาที่ศาลมีคำพิพากษาเรื่องปรับผู้ประกัน ผู้ประกันก็ยังไม่สามารถนำตัวจำเลยมาส่งศาลเพื่อรับโทษตามคำพิพากษาของศาลได้
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากจำเลยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ครั้นถึงกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่3 สิงหาคม 2531 ผู้ประกันจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนการส่งตัวจำเลยต่อศาลชั้นต้น อ้างว่าไม่ทราบว่าจำเลยไปทำงานรับจ้างที่จังหวัดใดขอให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปวันที่ 5 กันยายน 2531ศาลชั้นต้นอนุญาต ครั้นถึงวันนัดผู้ประกันจำเลยยื่นคำร้อง ขอให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปอีก 2 เดือน อ้างว่า จำเลยออกจากบ้านไปไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด ศาลชั้นต้นเห็นว่า ในนัดก่อนผู้ประกันก็ไม่สามารถนำตัวจำเลยมาส่งศาลได้ อีกทั้งผู้ประกันก็ไม่ทราบที่อยู่ที่แน่นอนของจำเลย จึงไม่ให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และถือว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกัน ให้ปรับผู้ประกันเต็มตามสัญญาประกัน (จำนวนเงิน 60,000 บาท) ต่อมาวันที่20 ตุลาคม 2531 ผู้ประกันยื่นคำร้องขอลดค่าปรับต่อศาลชั้นต้นขอให้ศาลชั้นต้นปรับเพียงไม่เกินครึ่งหนึ่ง โดยอ้างว่าผู้ประกันชรามากแล้ว ไม่อาจประกอบอาชีพหารายได้ใด ๆ ได้อีก และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการติดตามหาตัวจำเลยไปเป็นจำนวนมาก ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ยกคำร้อง ผู้ประกันอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนผู้ประกันฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่ผู้ประกันฎีกาว่า ผู้ประกันมิได้เพิกเฉยละเลยต่อสัญญาประกันที่ทำไว้ต่อศาล ได้พยายามติดตามตัวจำเลยมาส่งศาลตลอดมา การผิดสัญญาประกันจึงมิใช่เจตนาร้ายแรงที่จะไม่อาจให้การลดหย่อนผ่อนโทษได้ หากผู้ประกันจะต้องชำระค่าปรับเต็มตามสัญญาประกัน ผู้ประกันจะต้องเดือดร้อนมาก เนื่องจากได้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการติดตามจำเลยไปมาก ผู้ประกันเป็นราษฎรประกอบอาชีพโดยสุจริต และเป็นผู้ชรามากแล้ว สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงมีลักษณะคล้ายกับเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก ต้องให้แพทย์รักษาอยู่ตลอดเวลา สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก ขอให้ศาลฎีกาลดหย่อนค่าปรับโดยให้ชำระไม่เกิน 30,000 บาท นั้น เห็นว่า เหตุต่าง ๆที่ผู้ประกันอ้างมาไม่เข้าลักษณะที่ศาลจะปรานีลดค่าปรับให้ได้เพราะจนบัดนี้ผู้ประกันก็ไม่สามารถนำตัวจำเลยมาส่งศาลเพื่อรับโทษตามคำพิพากษาของศาลได้ ศาลล่างทั้งสองไม่ลดค่าปรับให้ผู้ประกันชอบแล้ว”
พิพากษายืน