คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3747/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้ที่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ส่วนลูกหนี้มีเงินฝากอยู่กับผู้คัดค้านตามบัญชีเงินฝากรวม 2 บัญชี โดยผู้คัดค้านรับฝากเงินไว้ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ เงินฝากดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้คัดค้านตั้งแต่มีการฝากเงิน ลูกหนี้ผู้ฝากเงินมีสิทธิที่จะถอนเงินฝากไปได้และผู้คัดค้านมีหน้าที่ต้องคืนเงินให้ครบตามจำนวนที่ขอถอน ถึงเห็นกรณีที่ผู้คัดค้านกับลูกหนี้ต่างเป็นหนี้ซึ่งกันและกันอยู่ในเวลาที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ผู้คัดค้านจึงใช้สิทธินำเงินฝากทั้งสองบัญชีดังกล่าวของลูกหนี้มาหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่ลูกหนี้ค้างชำระแก่ผู้คัดค้านได้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/33 ภายหลังที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการแต่ก็เป็นช่วงเวลาก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนดังกล่าว ซึ่งเจ้าหนี้ยังไม่ถูกผูกมัดให้ได้รับชำระหนี้ตามเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่กำหนดไว้ในแผนตามมาตรา 90/60 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2543 ให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และตั้งบริษัทรามคำแหงแพลนเนอร์ จำกัด เป็นผู้ทำแผน ต่อมาวันที่ 2 มีนาคม 2544 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้ทำแผนคนใหม่
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้รายที่ 153 ซึ่งยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการไว้จำนวน 3,060,884,459.47 บาท และลงมติยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ แต่ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิที่จะหักกลบลบหนี้ เนื่องจากผู้คัดค้านยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้โดยมิได้หักกลบลบหนี้เสียก่อนและลงมติยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว การหักกลบลบหนี้ดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพคล่องทางการเงินของลูกหนี้และการปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูกิจการในอนาคต ทั้งเงินฝากตามบัญชีดังกล่าวยังไม่ถึงกำหนดชำระคืนแก่ลูกหนี้ ขอให้ผู้คัดค้านคืนเงินทั้งสองจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 25 กันยายน 2544 จนกว่าจะชำระคืนแก่ลูกหนี้
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านคืนเงินฝากทั้งสองบัญชีของลูกหนี้พร้อมดอกเบี้ยอัตราเดียวกันกับที่ผู้คัดค้านต้องชำระให้แก่ลูกหนี้สำหรับการฝากเงินนับแต่วันที่หักเงินไปจนกว่าจะส่งมอบคืน ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ตามอุทธรณ์ผู้คัดค้านว่า ผู้คัดค้านมีสิทธิหักกลบลบหนี้ได้หรือไม่ เห็นว่า พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/33 บัญญัติว่า “ถ้าเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการเป็นหนี้ลูกหนี้ในเวลาที่มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ เจ้าหนี้นั้นอาจใช้สิทธิหักกลบลบหนี้ได้ เว้นแต่เจ้าหนี้ได้สิทธิเรียกร้องต่อลูกหนี้ภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ” เมื่อข้อเท็จจริงฟังยุติว่าผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้ที่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และลูกหนี้มีเงินฝากอยู่กับผู้คัดค้านตามบัญชีเงินฝากทั้งสองบัญชีดังกล่าวโดยผู้คัดค้านรับฝากเงินไว้ก่อนที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ เงินฝากดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้คัดค้านตั้งแต่มีการฝากเงิน ลูกหนี้ผู้ฝากเงินมีสิทธิที่จะถอนเงินฝากไปได้และผู้คัดค้านมีหน้าที่ต้องคืนเงินให้ครบตามจำนวนที่ขอถอน จึงเป็นกรณีที่ผู้คัดค้านกับลูกหนี้ต่างเป็นหนี้ซึ่งกันและกันอยู่ในเวลาที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ส่วนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และผู้ร้องแก้อุทธรณ์ว่า หนี้ที่ผู้คัดค้านมีสิทธิได้รับชำระหนี้ได้ถูกกำหนดให้ได้รับชำระหนี้ตามเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาตามแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว จึงมิใช่หนี้ที่จะถึงกำหนดชำระอีกต่อไป สภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้เจ้าหนี้หักกลบลบหนี้ได้นั้น เห็นว่า ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/27 บัญญัติให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้อาจขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการได้ ถ้ามูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ แม้ว่าหนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนดชำระหรือมีเงื่อนไขก็ตาม ลูกหนี้จึงไม่อาจถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาหรือเงื่อนไขดังที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และผู้ร้องอ้าง ดังนี้ ผู้คัดค้านจึงใช้สิทธินำเงินฝากทั้งสองบัญชีดังกล่าวของลูกหนี้มาหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่ลูกหนี้ค้างชำระแก่ผู้คัดค้านได้ แม้ผู้คัดค้านแสดงเจตนาหักกลบลบหนี้ต่อลูกหนี้ภายหลังจากที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการแต่ก็เป็นช่วงเวลาก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนดังกล่าว ซึ่งเจ้าหนี้ยังไม่ถูกผูกมัดให้ได้รับชำระหนี้ตามเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่กำหนดไว้ในแผนตามมาตรา 90/60 วรรคหนึ่ง ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิหักกลบลบหนี้ได้
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ.

Share