แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยฟ้องโจทก์ผู้ทำละเมิดเรียกค่าเสียหายในฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัย เงินที่จำเลยได้รับจากโจทก์ผู้ทำละเมิด คืนให้ผู้รับประกันภัยต่อแล้ว เป็นการชำระหนี้ที่มีมูลอันชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นลาภมิควรได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าจำเลยต้องคืนเงิน 539,696 บาท 08 สตางค์ พร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ในฐานเป็นลาภมิควรได้หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบริษัทอุตสาหกรรมผ้าห่มไทย จำกัด ทำสัญญาประกันภัยสินค้าฝ้ายดิบไว้กับจำเลย และจำเลยนำสัญญาประกันภัยที่ทำไว้ไปทำสัญญาประกันภัยต่อกับบริษัทประกันภัยในต่างประเทศ โจทก์เป็นผู้รับขนส่งสินค้าฝ้ายดิบ ได้ทำละเมิดต่อบริษัทอุตสาหกรรมผ้าห่มไทย จำกัด ซึ่งได้รับความเสียหาย 1,486,930 บาท 36 สตางค์ จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัยแล้ว และบริษัทผู้รับประกันภัยช่วงในต่างประเทศได้ใช้ค่าสินไหมทดแทน1,122,126 บาทแก่จำเลย จำเลยจึงได้ฟ้องโจทก์ผู้ทำละเมิดให้ใช้ค่าเสียหาย โจทก์ยอมใช้ค่าเสียหาย 900,000 บาทแก่จำเลย ดังนี้ โจทก์อ้างว่าเงินจำนวน 539,696 บาท 08 สตางค์ เป็นเงินที่จำเลยรับไปจากโจทก์เกินความเสียหายที่แท้จริงต้องคืนแก่โจทก์เพราะเป็นลาภมิควรได้ แต่จำเลยมีนายโพธิ์ จรรย์โกมล และนายปราโมทย์ บุญลินสุข เป็นพยานจำเลยเบิกความว่า เงินที่โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ใช้ให้จำเลยนั้นจำเลยได้ใช้คืนให้แก่บริษัทรับประกันภัยช่วงในต่างประเทศโดยวิธีหักกลบลบหนี้กับเบี้ยประกันภัยต่อที่จำเลยจะต้องส่งไปให้ การหักกลบลบหนี้กระทำกันทุก ๆ 3 เดือน ทั้งนี้ ก็เนื่องจากบริษัทรับประกันภัยช่วงในต่างประเทศไม่มีสิทธิฟ้องผู้ทำละเมิดในประเทศไทย ผู้เอาประกันภัยไม่มีสิทธิฟ้องบริษัทรับประกันภัยช่วงในต่างประเทศเพราะไม่ใช่คู่สัญญา เห็นว่า เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นจำเลยมีสิทธิเรียกร้องให้บริษัทรับประกันภัยช่วงในต่างประเทศใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยตามส่วนที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อได้ใช้เงินไปแล้ว จำเลยก็ย่อมรับช่วงสิทธิฟ้องโจทก์ผู้ทำละเมิดได้ และเมื่อได้รับเงินจากผู้ทำละเมิดแล้ว จำเลยก็ต้องส่งเงินคืนแก่บริษัทรับประกันภัยช่วงในต่างประเทศ แสดงว่า เงินที่จำเลยรับไว้จากโจทก์ เป็นค่าเสียหายที่จำเลยมีสิทธิได้รับชดใช้จากโจทก์ผู้ทำละเมิด จึงเป็นการชำระหนี้ที่มีมูลหนี้อันชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นลาภมิควรได้ โจทก์มีนายประเทศ อุดมวงศ์และนายเอกชัย กัมมารางกูร เป็นพยานโจทก์ แต่เห็นว่าเบิกความเลื่อนลอยไม่มีเหตุผลที่จะรับฟัง ดังนั้น จำเลยไม่ต้องคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์”
พิพากษายืน