คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3717/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องโดยมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเพียงว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์ใช้ที่ดินเป็นทางภารจำยอมไปสู่ทางสาธารณะแล้วต่อมาจำเลยปิดกั้นทางเดิน ขอให้บังคับจำเลยเปิดทางและจดทะเบียนเป็นภารจำยอมเท่านั้น ฉะนั้น การที่โจทก์ฎีกาว่าได้สิทธิภารจำยอมมาโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 จึงเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1996 ตำบลเกิ้งอำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม โดยซื้อจากนายคำดีกลางยาแสน จำเลยเคยมีข้อตกลงให้นายคำดีใช้ที่ดินของจำเลยเข้าออกทางสาธารณะ เป็นทางกว้าง 3 เมตร ยาว 8 เมตร ก่อนโจทก์ซื้อที่ดินได้สอบถามนายคำดีและจำเลยแล้วรับว่า สามารถใช้ทางเข้าออกได้ ต่อมาโจทก์ได้ขนไม้และวัสดุก่อสร้างบ้านเพื่อไปปลูกสร้าง แต่จำเลยทำรั้วปิดกั้นทางเดิน ขอให้บังคับจำเลยเปิดทางเดินเข้าออกจากที่ดินโจทก์ถึงทางสาธารณะ กว้าง 3 เมตร ยาว8 เมตร โดยให้ไปจดทะเบียนเป็นภารจำยอมหากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องหมายเลข 2, และเลข 3 ไม่เคยตกลงยินยอมให้นายคำดีหรือโจทก์ใช้ทางเดินเข้าออกในที่ดินของจำเลย โจทก์ใช้คันคูคลองส่งน้ำของกรมชลประทานเป็นทางเข้าออก ที่ดินของจำเลยมีเนื้อที่เพียง 35 ตารางวา มีบ้านของจำเลย 1 หลัง ของนางนาง อุคลี1 หลัง และยุ้งข้าวอีก 1 หลังปลูกเต็มพื้นที่ ที่ดินด้านที่ติดต่อกันมีรั้วกั้นเป็นคอนกรีตถาวร โจทก์ซื้อที่ดินเพราะคาดว่าจะใช้ที่ดินข้างเคียงของญาติโจทก์เป็นทางเข้าออกแต่ญาติของโจทก์ไม่ยินยอม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า เดิมที่ดินพิพาทเป็นของเจ้าของเดียวกันต่อมามีการแยกแบ่งขายโดยเจตนาผู้ขายได้ยินยอมให้ผู้ซื้อใช้เป็นทางเดินเข้าออกมานานเกินกว่า 10 ปีแล้วสิทธิดังกล่าวจึงสืบต่อกันมาจนกระทั่งถึงโจทก์ โจทก์จึงได้สิทธิโดยอายุความเกินกว่า 10 ปี จำเลยมีหน้าที่ต้องรับภาระไปทั้งสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 แม้จะไม่ได้จดทะเบียนก็สมบูรณ์ตามกฎหมาย นั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องโดยมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเพียงว่า จำเลยยินยอมให้โจทก์ใช้ที่ดินหมายเลข 3 เป็นทางภารจำยอมไปสู่ทางสาธารณะ แล้วต่อมาจำเลยปิดกั้นทางเดิน ขอให้บังคับจำเลยเปิดทางเดินและจดทะเบียนเป็นภารจำยอมเท่านั้น การที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ได้สิทธิภารจำยอมมาโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 นั้นจึงเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของโจทก์

Share