แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนดเลขที่ 1674 พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวจำนวน 2 ห้อง เลขที่249 และ 251 จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3052พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวเลขที่ 253 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ ปรากฏว่าห้องแถวเลขที่ 253 และรั้วสังกะสีของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินโฉนดเลขที่ 1674 ของโจทก์รวมเนื้อที่รุกล้ำประมาณ9 ตารางเมตร โจทก์แจ้งให้จำเลยแก้ไขหลายครั้งแล้วแต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหายนั้น เป็นคำฟ้องที่แสดงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโดยชัดแจ้งแล้วว่าห้องแถวและรั้วของจำเลยปลูกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ส่วนที่ว่าโจทก์ไม่ได้บรรยายว่ารุกล้ำโดยสุจริตหรือไม่ สุจริตอย่างไร และรุกล้ำทั้งหมดหรือแต่บางส่วนนั้น เป็นข้อที่จำเลยจะต่อสู้และเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบได้ในภายหลังและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เพราะจำเลยให้การต่อสู้ว่า ห้องแถวและรั้วของจำเลยได้มีการปลูกสร้างมาก่อนที่บิดาจำเลยซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 3052 จากเจ้าของเดิม แม้ว่าสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามคำฟ้องของโจทก์จะเป็นเรื่องละเมิดก็ตาม แต่ก็เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องอ้างว่าห้องแถวไม้และรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ ดังนั้นตราบใดที่จำเลยยังไม่ยอมรื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วส่วนที่รุกล้ำออกไป การละเมิดก็ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องกันตลอดมา อีกทั้งโจทก์ก็ขอเพียงให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเนื่องจากการขาดประโยชน์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนส่วนที่รุกล้ำเสร็จเท่านั้น โจทก์หาได้เรียกค่าเสียหายตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องหรือค่าเสียหายอื่นนอกจากนี้อีก คำฟ้องของโจทก์ในกรณีเช่นนี้ แม้จะมิได้บรรยายว่าเหตุละเมิดเกิดเมื่อใดก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะไม่มีกรณีที่จำเลยจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่1674 ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวจำนวน 2 ห้อง เลขที่ 249 และ 251 ถนนเจริญเมืองตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3052 ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่จังหวัดแพร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างห้องแถวไม้ชั้นเดียวเลขที่ 253ถนนเจริญเมือง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ที่ดินของโจทก์อยู่ติดกับที่ดินของจำเลย ปรากฏว่า ห้องแถวไม้ชั้นเดียวเลขที่ 253 และรั้วสังกะสีของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในโฉนดที่ดินเลขที่ 1674 ของโจทก์ รวมเนื้อที่ของห้องแถวไม้ชั้นเดียวและรั้วสังกะสีรุกล้ำที่ดินของโจทก์ เนื้อที่ประมาณ 9 ตารางเมตรตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องหมายเลข 2 โจทก์แจ้งให้จำเลยแก้ไขหลายครั้งหลายหน แต่จำเลยเพิกเฉย การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขาดประโยชน์จากการก่อสร้างอาคารให้ผู้อื่นเช่า ขอให้พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนห้องแถวไม้เลขที่ 253 ถนนเจริญเมืองตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ พร้อมรั้วสังกะสีหลังห้องแถวไม้ดังกล่าว เฉพาะส่วนที่รุกล้ำที่ดินของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอัตราเดือนละ 6,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วสังกะสีที่รุกล้ำเสร็จสิ้นด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยเอง หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วสังกะสีดังกล่าว โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขดำที่451/2532 คดีหมายเลขแดงที่ 427/2532 ของศาลชั้นต้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าจำเลยกระทำอย่างไรอันเป็นการกระทำให้ห้องแถวชั้นเดียวเลขที่ 253 และรั้วสังกะสีรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ และรุกล้ำโดยสุจริตหรือไม่สุจริตอย่างไร รุกล้ำทั้งหมดหรือแต่บางส่วน เป็นฟ้องเคลือบคลุม จำเลยมิได้สร้างห้องแถวและรั้วสังกะสีรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ตามฟ้อง ห้องแถวและรั้วดังกล่าวได้มีการปลูกสร้างมาก่อนที่บิดาจำเลยจะซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 3052 จากนางลักษณา นำไพศาล และก่อนที่จะมีการแบ่งแยกโฉนดแปลงเดิมอันเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมระหว่างโจทก์กับนางลักษณาหลังจากบิดาจำเลยซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวแล้ว บิดาจำเลยและจำเลยได้ครอบครองห้องแถวไม้พร้อมสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดบนที่ดินดังกล่าวที่ได้แบ่งแยกกันเป็นสัดส่วนตามแนวผนังอาคารและแนวรั้วสังกะสี สืบเนื่องติดต่อกันมาโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า 10 ปี จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่รุกล้ำ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า คำฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าคำฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ เห็นว่า คำฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1674 พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวจำนวน 2 ห้อง เลขที่ 249 และ 251 ถนนเจริญเมืองตำบลในเมือง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3052 พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวเลขที่253 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ ปรากฏว่าห้องแถวเลขที่ 253และรั้วสังกะสีของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในโฉนดที่ดินเลขที่ 1674 ของโจทก์รวมเนื้อที่รุกล้ำประมาณ 9 ตารางเมตร ตามแผนที่สังเขปเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 โจทก์แจ้งให้จำเลยแก้ไขหลายครั้งหลายหน แต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหายนั้น เป็นคำฟ้องที่แสดงสภาพแห่งข้อหา และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโดยชัดแจ้งแล้วว่าห้องแถวและรั้วของจำเลยปลูกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ โจทก์แจ้งให้จำเลยรื้อถอนแล้ว จำเลยไม่รื้อถอนทำให้โจทก์เสียหาย ที่จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ได้บรรยายว่ารุกล้ำโดยสุจริตหรือไม่สุจริตอย่างไร และรุกล้ำทั้งหมดหรือแต่บางส่วนนั้น เห็นว่าเป็นข้อที่จำเลยจะต่อสู้และเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบได้ภายหลังและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบเพราะจำเลยให้การต่อสู้ว่า ห้องแถวและรั้วของจำเลยได้มีการปลูกสร้างมาก่อนที่บิดาจำเลยซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 3052 จากเจ้าของเดิม ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่อาจยกอายุความละเมิดขึ้นต่อสู้ได้เพราะไม่ทราบว่าเหตุละเมิดเกิดขึ้นเมื่อใดนั้น เห็นว่า คดีนี้แม้ว่าสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามคำฟ้องของโจทก์จะเป็นเรื่องละเมิดก็ตาม แต่ก็เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องอ้างว่า ห้องแถวไม้และรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ ดังนั้น ตราบใดที่จำเลยยังไม่ยอมรื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วส่วนที่รุกล้ำออกไปการละเมิดก็ยังคงมีต่อเนื่องกันตลอดมาอีกทั้งโจทก์ก็ขอเพียงให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย เนื่องจากการขาดประโยชน์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วส่วนที่รุกล้ำเสร็จเท่านั้น โจทก์หาได้เรียกค่าเสียหายตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องหรือค่าเสียหายอื่นนอกจากนี้อีก คำฟ้องของโจทก์ในกรณีเช่นนี้แม้จะมิได้บรรยายว่าเหตุละเมิดเกิดเมื่อใดก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะไม่มีกรณีที่จำเลยจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้
พิพากษายืน