คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3668/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 และ 248 นั้นต้องเป็นการกล่าวแก้ยกข้ออ้างการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแห่งตนมาเป็นข้อต่อสู้ ให้เกิดข้อพิพาทด้วยการแย่งกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยเท่านั้นหาได้รวมไปถึงการอ้างเอากรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่นขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยอาศัยปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของโจทก์ ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะให้จำเลยอยู่ต่อไป จำเลยไม่ยอมออก จึงขอให้พิพากษาบังคับ

จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินส่วนหนึ่งของทางราชการ หาใช่เป็นที่ดินของโจทก์ จำเลยได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ปลูกเรือนอยู่อาศัยในที่พิพาทโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ พิพากษาขับไล่จำเลยให้จำเลยรื้อถอนเรือนออกไปจากที่พิพาท ห้ามเกี่ยวข้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าตามคำให้การของจำเลย จำเลยได้ยกข้อต่อสู้ในเรื่องกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่พิพาทว่า โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของที่พิพาท ที่พิพาทเป็นที่ดินของส่วนราชการซึ่งเป็นบุคคลภายนอก แม้จำเลยจะมิได้กล่าวอ้างความเป็นเจ้าของในที่พิพาทขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์โดยตรงก็ตาม ย่อมจะถือได้ว่าจำเลยได้ยกข้ออ้างเป็นข้อโต้แย้งในเรื่องกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่พิพาทตามที่โจทก์กล่าวอ้างแล้วนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การยกข้ออ้างเป็นข้อต่อสู้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ อันเป็นข้อยกเว้นไม่อยู่ในข้อห้ามในการใช้สิทธิอุทธรณ์หรือฎีกาตามความหมายของมาตรา 224 และมาตรา 248 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น ต้องเป็นการกล่าวแก้ยกข้ออ้างการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแห่งตนมาเป็นข้อต่อสู้ ให้เกิดข้อพิพาทด้วยการแย่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยเท่านั้นหาได้รวมไปถึงการอ้างเอากรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่นขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้ดังข้ออ้างจำเลยไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยโดยเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 นั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share