แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จะพิจารณาว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 วรรคสองหรือไม่ ศาลต้องพิจารณาเสียก่อนว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จ ตามมาตรา172 หรือไม่ การกระทำความผิดตาม มาตรา 174 วรรคสองมีอัตราโทษอย่างสูงเกินสามปีไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิในกรณีเช่นนี้สำหรับความผิดฐานแจ้งความเท็จตาม มาตรา 172 จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย
การกระทำอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174วรรคสองได้นั้น จะต้องกระทำความผิดตาม มาตรา 172 เสียก่อนแม้โจทก์จะได้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงในความผิดตาม มาตรา 172มาด้วยและศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ก็ตามเมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าว ดังนี้ ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามลำดับชั้นของศาลเสียก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จและฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 174, 177, 83, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาในข้อหาความผิดฐานเบิกความเท็จ โดยเห็นว่า ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 คดีคงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะจำเลยที่ 1 ในข้อหาความผิดฐานแจ้งความเท็จ โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริง ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172โดยเห็นว่า ต้องห้ามอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบ เพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์เฉพาะแต่มาตรา 172 หากได้อุทธรณ์มาตรา 174 ด้วย ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์โจทก์บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 วรรคสองด้วย การกระทำความผิดตามมาตรา 174 วรรคสองจึงมีโทษอย่างสูงเกินสามปี ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ซึ่งแก้ไขแล้ว ตามบทบัญญัติมาตรา 174 ดังกล่าวจะเห็นได้ว่า การกระทำอันจะเป็นความผิดตามมาตรา 174 วรรคสองได้นั้น จะต้องกระทำความผิดตามมาตรา 172 เสียก่อนถ้าไม่ได้กระทำความผิดตามมาตรา 172 ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 174 วรรคสองดังนั้น ในการที่จะพิจารณาว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา 174 วรรคสองหรือไม่ ศาลอุทธรณ์ก็ต้องพิจารณาเสียก่อนว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา 172 หรือไม่ ในกรณีเช่นนี้จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงสำหรับความผิดฐานแจ้งความเท็จ ตามมาตรา 172คดีนี้แม้โจทก์จะฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงในความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา 172มาด้วย และศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ก็ตาม เมื่อศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามลำดับชั้นของศาล
พิพากษา ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะเกี่ยวกับความผิดตามมาตรา 172, 174 ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นอกจากที่ยกให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์