คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3618/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ถอนชื่อจำเลยออกจากที่พิพาทและให้ใส่ชื่อโจทก์ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ดังเดิมจำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่ดินของจำเลย ดังนี้ถ้าโจทก์ชนะคดีโจทก์ย่อมได้ที่พิพาทคืนมาคดีของโจทก์จึงเป็น คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ซึ่งจะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ตกลงจำนองที่ดินพิพาทไว้แก่จำเลย แต่การจดทะเบียนโจทก์จำเลยได้ทำเป็นนิติกรรมขายฝากเพื่ออำพรางการจดทะเบียนนิติกรรมจำนองโจทก์ไม่เคยส่งมอบที่ดินพิพาทแก่จำเลย และใช้สอยที่ดินอย่างเป็นเจ้าของตลอดมาต่อมาโจทก์ขอไถ่ถอนที่ดินพิพาทคืน จำเลยบ่ายเบี่ยง และให้โจทก์ชำระดอกเบี้ยนับแต่ครบกำหนดไถ่ถอนต่อไปโดยบอกว่าจะไถ่ถอนคืนเมื่อใดก็ได้ แต่แล้วจำเลยก็ไม่ยอมให้ไถ่ถอนอ้างว่าที่ดินพิพาทหลุดเป็นสิทธิแก่จำเลยแล้ว จึงขอให้พิพากษาบังคับให้จำเลยรับชำระหนี้และถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ดินพิพาทแล้วใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของดังเดิม
จำเลยให้การว่า การขายฝากที่ดินพิพาทไม่ใช่นิติกรรมอำพราง จำเลยไม่เคยตกลงให้โจทก์ไถ่ถอนคืนเมื่อครบกำหนดแล้ว และไม่เคยรับเงินค่าดอกเบี้ยจากโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ สั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลให้ครบแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยมีเจตนาทำสัญญาขายฝากกันจริง ๆ โจทก์ไม่ไถ่คืนภายในกำหนดจึงหมดสิทธิไถ่คืน พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับคดีของโจทก์เป็นคดีทุนทรัพย์หรือไม่ว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ถอนชื่อจำเลยออกจากที่ดินพิพาทและให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ดังเดิม และจำเลยต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของจำเลยตามสัญญาขายฝาก ซึ่งถ้าโจทก์ชนะคดีโจทก์ย่อมได้ที่ดินพิพาทคืนมา ฉะนั้นคดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ซึ่งจะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง
พิพากษายืน

Share