แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การมอบฉันทะและการขอเลื่อนคดีในคดีอาญาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติไว้ จึงต้องนำประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับแทนตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
ทนายความอาจมอบฉันทะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมาทำการแทนได้ในกิจการที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64เท่านั้นสำหรับกิจการอื่นต้องพิเคราะห์เป็นเรื่อง ๆ ไปว่าเป็นกิจการที่สำคัญซึ่งโดยสภาพเป็นที่เห็นได้ว่าทนายความจะต้องกระทำด้วยตนเองหรือไม่
คำขอเลื่อนคดีด้วยวาจา จะต้องกระทำโดยตัวความหรือทนายความเท่านั้น หากตัวความหรือทนายความไม่อาจมาศาลได้ จะต้องทำคำขอเลื่อนคดีเป็นลายลักษณ์อักษร และมอบฉันทะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมายื่นต่อศาลผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ไม่มีอำนาจแถลงด้วยวาจาขอเลื่อนคดีต่อศาล การที่ผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีต่อศาลด้วยวาจา ถือไม่ได้ว่าเป็นการแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ เมื่อโจทก์และทนายโจทก์ไม่ได้ขอเลื่อนคดีตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ทั้งไม่มาศาลโดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ การที่ศาลมีคำสั่งตัดพยานโจทก์ที่เหลือ จึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 188,83, 90, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีมีมูลเฉพาะจำเลยที่4 และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 เกินอำนาจของศาลชั้นต้น จึงให้ประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 4 ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5
จำเลยที่ 4 ให้การปฏิเสธ
วันสืบพยานโจทก์นัดแรก โจทก์นำพยานเข้าสืบได้ 1 ปากแล้วโจทก์แถลงขอเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ที่เหลือในนัดต่อไปศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อวันที่ 24พฤศจิกายน เวลา 10.00 นาฬิกาถึงวันนัดโจทก์และทนายโจทก์ไม่มาศาล คงมีแต่เสมียนผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์มาศาล จำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องว่าโจทก์ไม่มาศาล และมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ขอให้ศาลสั่งตัดพยานโจทก์และนัดสืบพยานจำเลยที่4 ศาลชั้นต้นนั่งพิจารณาเวลา 11.55 นาฬิกา เสมียนทนายโจทก์แถลงว่าทนายโจทก์ติดธุระไม่มาศาลและขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นถือว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานที่เหลือจึงสั่งตัดพยานโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นสั่งตัดพยานโจทก์ไม่ชอบขอให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า การที่ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายทำการแทนในกรณีดังต่อไปนี้ คือ ทราบคำสั่งศาล ทราบวันนัด และแถลงต่อศาลด้วยวาจานั้นผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ดังกล่าวจะมีอำนาจแถลงต่อศาลด้วยวาจาขอเลื่อนคดีด้วยหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ในเรื่องการมอบฉันทะและการขอเลื่อนคดีนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติไว้จึงต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับแทนตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15เห็นว่าเรื่องทนายความมอบฉันทะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งกระทำการแทนนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 บัญญัติว่า ‘เว้นแต่ศาลจะได้สั่งเป็นอย่างอื่นฯลฯ คู่ความหรือทนายความอาจแต่งตั้งให้บุคคลใดทำการแทนได้ โดยยื่นใบมอบฉันทะต่อศาลทุกครั้ง เพื่อกระทำกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้คือกำหนดวันนัดพิจารณาหรือวันสืบพยานหรือวันฟังคำสั่งคำบังคับหรือคำชี้ขาดใดๆ ของศาล มาฟังคำสั่งคำบังคับหรือคำชี้ขาดใดๆ ของศาลหรือสลักหลังรับรู้ซึ่งข้อความนั้นๆ รับสำเนาคำให้การ คำร้องหรือเอกสารอื่นๆ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 71 และ 72 และแสดงการรับรู้สิ่งเหล่านั้น’ จะเห็นได้ว่ากฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนว่าทนายความอาจมอบฉันทะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมาทำการแทนในกิจการ 3 เรื่องดังกล่าวเท่านั้น สำหรับกิจการนอกจากนี้ต้องพิเคราะห์เป็นเรื่องๆ ไป ว่าเป็นกิจการที่สำคัญ ซึ่งโดยสภาพเป็นที่เห็นได้ว่าทนายความจะต้องกระทำด้วยตนเองหรือไม่ พิเคราะห์แล้วการขอเลื่อนคดีนั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคแรกบัญญัติว่า ‘ฯลฯ’วรรคสาม บัญญัติว่า ‘ฯลฯ’ ศาลฎีกาเห็นว่าโดยสภาพแล้ว คำขอเลื่อนคดีด้วยวาจานั้นจะต้องกระทำโดยตัวความหรือทนายความเท่านั้น หากตัวความหรือทนายความไม่อาจมาศาลได้ก็จะต้องทำคำขอเลื่อนคดีเป็นลายลักษณ์อักษรและมอบฉันทะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมายื่นต่อศาล ผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์จึงไม่มีอำนาจที่จะแถลงด้วยวาจาขอเลื่อนคดีต่อศาล และถือไม่ได้ว่าการที่ผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีต่อศาลด้วยวาจานั้น เป็นการแจ้งเหตุขัดข้องที่โจทก์และทนายโจทก์ไม่มาศาลให้ศาลทราบด้วย เมื่อโจทก์และทนายโจทก์ไม่ได้ขอเลื่อนคดีตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ทั้งโจทก์และทนายโจทก์ไม่มาศาลและมิได้แจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลให้ศาลทราบ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตัดพยานโจทก์ที่เหลือ จึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้วฯลฯ
พิพากษายืน.