คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อ พ.ศ.2497 โจทก์ซึ่งเป็นภรรยาน้อยของ จ. ได้แจ้งชื่อโจทก์ จ. และบุตรโจทก์ 2 คน ที่เกิดกับสามีคนเดิมเป็นผู้ครอบครองที่ดินมือเปล่าเพื่อขอออกตราจองหลังจากนั้นไม่นานโจทก์ทะเลาะกับภรรยาหลวงแล้วอพยพไปอยู่ต่างจังหวัดไปได้สามีใหม่ ทางราชการออกตราจองให้ในปี พ.ศ.2499 โจทก์ไม่ได้มารับและไม่เคยกลับมาที่พิพาทอีกเลยเห็นได้ว่าโจทก์ได้สละเจตนาครอบครองไปก่อนออกตราจองแล้วโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องให้เพิกถอนการจดทะเบียนการซื้อขายที่พิพาทอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อ พ.ศ. 2499 โจทก์มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกับนายจุ๋น ถังเงิน เด็กหญิงเทียม เด็กหญิงตูม ในที่ดินตราจองเลขที่ 207 ตั้งอยู่ตำบลดอนชะเอม อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เนื้อที่ 18 ไร่ 1 งานและได้ครอบครองร่วมกันมามิได้แบ่งเป็นส่วนสัด ต่อมาเมื่อวันที่ 4 เมษายน2512 จำเลยกับนายจุ๋น นางหล่อ ถังเงิน ร่วมกันแจ้งความเท็จต่อพนักงานที่ดินจังหวัดกาญจนบุรีว่าโจทก์มีความประสงค์ขายที่ดินดังกล่าวส่วนของโจทก์ให้กับจำเลย เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อ จึงจดทะเบียนขายที่ดินส่วนของโจทก์ให้แก่จำเลยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2512 โจทก์จึงฟ้องจำเลย นายจุ๋น นางหล่อในข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน คดีถึงที่สุดศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยกับพวกดังกล่าวตามคดีอาญาของศาลจังหวัดกาญจนบุรีหมายเลขแดงที่ 988/2512 การจดทะเบียนขายที่ดินจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ เด็กหญิงเทียม และเด็กหญิงตูมมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยตกเป็นโมฆะ ขอให้พิพากษาให้การจดทะเบียนนิติกรรมตราจองเลขที่ 207 เป็นโมฆะและให้เพิกถอนการจดทะเบียน

จำเลยให้การว่า ที่ดินตามฟ้องเป็นของนายจุ๋น ถังเงิน มาแต่เดิม เมื่อประมาณ พ.ศ. 2497 โจทก์มาเป็นภรรยาน้อยนายจุ๋น ถังเงิน อยู่ประมาณ5 – 6 เดือน ซึ่งในระยะนั้นทางราชการได้ทำการสำรวจการครอบครองที่ดินของหลวงสิทธิเทพการเพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ครอบครองตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อความเป็นธรรมแก่สังคม โจทก์ นายจุ๋น และเด็กหญิงเทียม เด็กหญิงตูมบุตรโจทก์ได้ร่วมกันแจ้งต่อเจ้าพนักงานสำรวจที่ดินว่าเป็นเจ้าของ ต่อมาในปีพ.ศ. 2497 นั้นเอง โจทก์เลิกกับนายจุ๋นได้พาเด็กหญิงเทียม และเด็กหญิงตูมสละที่ดินไปทำมาหากินที่อื่นและมีสามีใหม่ ยอมให้นายจุ๋นครอบครองเป็นเจ้าของทั้งแปลงตลอดมาตั้งแต่เป็นที่ดินมือเปล่าจนได้รับตราจองเมื่อวันที่ 14พฤศจิกายน 2499 เกิน 1 ปี ได้สิทธิครอบครองตามกฎหมายนายจุ๋นเป็นผู้รับตราจองและได้ครอบครองโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกินกว่า 10 ปี ต่อมาโอนขายให้จำเลยทั้งแปลงนิติกรรมสมบูรณ์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่านายจุ๋นได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 จึงมีสิทธิที่จะโอนขายให้จำเลยได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเดิมเป็นที่ดินมือเปล่าของหลวงสิทธิเทพการให้โจทก์และนายจุ๋นเช่าทำประโยชน์ ได้ถูกทางราชการเวนคืน และเจ้าพนักงานได้ออกสำรวจรังวัดเพื่อออกตราจองให้แก่ผู้เช่าที่ได้ครอบครองอยู่ในขณะนั้นเมื่อพ.ศ. 2497 ขณะสำรวจนายจุ๋นไม่อยู่ โจทก์ซึ่งเป็นภรรยาน้อยของนายจุ๋นได้แจ้งสำรวจชื่อโจทก์ นายจุ๋น และเด็กหญิงเทียม เด็กหญิงตูมบุตรโจทก์ ที่เกิดกับสามีเดิมเป็นผู้ครอบครอง หลังจากนั้นไม่นานโจทก์ทะเลาะกับภรรยาหลวงแล้วอพยพไปอยู่ต่างจังหวัดไปได้สามีใหม่ ทางราชการออกตราจองให้ในปี2499 ในตราจองมีชื่อโจทก์ เด็กหญิงเทียม เด็กหญิงตูม และนายจุ๋นเป็นเจ้าของโจทก์ไม่ได้มารับตราจอง และไม่เคยกลับมาที่พิพาทอีกเลย เห็นได้ว่าได้สละเจตนาครอบครองไปก่อนออกตราจองให้ โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ไม่มีอำนาจฟ้อง

พิพากษายืน

Share