แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้คดีนี้ศาลจะลงโทษจำคุกจำเลย แต่เป็นความผิดที่จำเลยกระทำโดยประมาท จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตาม ป.อ. มาตรา 58 วรรคแรก ที่จะนำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 นำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ จึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบ มาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43, 157
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 157 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 1 ปี ให้นำโทษจำคุก 8 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2877/2547 ของศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ มาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ (ที่ถูกต้องปรับบทประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก มาด้วย) รวมเป็นโทษจำคุก 1 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น เห็นว่า จำเลยมีอาชีพรับจ้างขับรถมา 10 ปี แล้ว จำเลยย่อมทราบดีว่าผู้ขับรถจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอ มิฉะนั้น อาจเกิดอุบัติเหตุเป็นอันตรายแก่ตัวเองและผู้อื่นได้ ดังนั้น การที่จำเลยไม่ได้พักผ่อนแล้วยังฝืนขับรถในระยะทางไกลจึงเป็นความประมาทร้ายแรงของจำเลย ซึ่งจำเลยได้วูบหลับไป เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างมากทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น แม้จำเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัวและได้พยายามบรรเทาความเสียหายแล้ว ก็ยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะลงโทษจำคุกจำเลยให้เบาลงอีก และรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษามานั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่คดีนี้แม้ศาลจะลงโทษจำคุกจำเลย แต่เป็นความผิดที่จำเลยกระทำโดยประมาท จึงไม่อาจต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก ที่จะนำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 นำโทษจำคุกที่จำเลยรอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2877/2547 ของจังหวัดกาฬสินธุ์ มาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ จึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2877/2547 ของศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ มาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ คงให้จำคุกจำเลย 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4.