แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
‘นายจ้าง’ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานลงวันที่ 16 เมษายน 2515 หมายถึงผู้ซึ่งตกลงรับลูกจ้างเข้าทำงานโดยจ่ายค่าจ้างให้ ซึ่งมีความหมายว่า งานที่ลูกจ้างทำนั้นจะต้องเป็นงานของนายจ้างเองและค่าจ้างก็ต้องหมายความถึงเงิน หรือเงินและสิ่งของของนายจ้างด้วย เมื่อปรากฏว่างานที่โจทก์รับจ้างทำเป็นงานที่จำเลยที่ 2 รับจ้างเหมามาทำและค่าจ้างก็เป็นเงินส่วนที่จำเลยที่ 1 จะต้องจ่ายให้จำเลยที่ 2 มิใช่งานและเงินของจำเลยที่ 1 ดังนี้ นายจ้างที่แท้จริงของโจทก์คือจำเลยที่ 2 หาใช่จำเลยที่ 1 ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทำงานเป็นช่างไม้ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๒๔ จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะหมดงาน จำเลยค้างค่าจ้างทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์ ๒,๑๐๐ บาท ค่าทำงานล่วงเวลา ๓,๕๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์ ๒,๑๐๐ บาท ค่าทำงานล่วงเวลา ๓,๕๐๐บาท แก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่เคยมีนิติสัมพันธ์กับโจทก์นางบัวจันทร์ภริยาจำเลยที่ ๑ เป็นผู้จ้างจำเลยที่ ๒ ทำเฟอร์นิเจอร์ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ขาดนัด
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เป็นนายจ้างของโจทก์ร่วมกันพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันหรือแทนกันจ่ายค่าทำงานในวันหยุดและค่าล่วงเวลาให้แก่โจทก์รวม ๕,๖๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า นางบัวจันทร์ภริยาจำเลยที่ ๑ ทำสัญญาจ้างเหมาจำเลยที่ ๒ ให้ทำเฟอร์นิเจอร์และตบแต่งอาคาร โจทก์สมัครเข้าทำงานช่างไม้ในการตบแต่งอาคารดังกล่าว จำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งให้โจทก์มาทำงานได้ สำหรับค่าจ้างโจทก์รับจากนางสาวฉวีลักษณ์ผู้ทำบัญชีของจำเลยที่ ๑ แต่เงินค่าจ้างที่นางสาวฉวีลักษณ์จ่ายให้โจทก์เป็นเงินที่จำเลยที่ ๑ จ่ายทดรองแทนจำเลยที่ ๒ แล้วนำไปหักกับเงินค่าจ้างตบแต่งบ้านที่จำเลยที่ ๒ จะได้รับ ซึ่งจำเลยที่ ๒ ก็ยินยอม เห็นว่า จำเลยที่ ๒ แต่ผู้เดียวเป็นผู้รับเหมาตบแต่งอาคารให้ภริยาจำเลยที่ ๑ ตามสัญญาจำเลยที่ ๒ จะต้องทำงานที่รับเหมาให้เสร็จภายใน ๙ เดือน หากผิดสัญญาทำงานไม่เสร็จเรียบร้อย จำเลยที่ ๒ จะต้องถูกปรับวันละ ๑,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ จึงต้องรับผิดชอบในผลสำเร็จของงานที่รับจ้างเหมาแต่ผู้เดียว ไม่มีเหตุผลที่จำเลยที่ ๑ จะต้องจ้างโจทก์ทำงานชิ้นเดียวกันเป็นส่วนตัว โดยเสียค่าจ้างเป็นการซ้ำซ้อนอีก เงินค่าจ้างที่โจทก์ได้รับก็เป็นเงินที่หักจากค่าจ้างเหมาที่จำเลยที่ ๒ จะได้รับ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน คำว่า “นายจ้าง” หมายถึงผู้ซึ่งตกลงรับลูกจ้างเข้าทำงานโดยจ่ายค่าจ้างให้ ซึ่งมีความหมายว่างานที่ลูกจ้างทำนั้น จะต้องเป็นงานของนายจ้างเองและค่าจ้างก็ต้องหมายถึงเงินหรือเงินและสิ่งของของนายจ้างเอง แต่งานที่โจทก์รับจ้างทำเป็นงานที่จำเลยที่ ๒ รับเหมามาทำ และค่าจ้างก็เป็นเงินส่วนที่จะต้องจ่ายให้จำเลยที่ ๒ เมื่องานที่โจทก์รับจ้างไม่ใช่งานของจำเลยที่ ๑ และค่าจ้างก็ไม่ใช่เงินของจำเลยที่ ๑ ดังนี้ นายจ้างที่แท้จริงของโจทก์จึงหาใช่จำเลยที่ ๑ ไม่ จำเลยที่ ๒ ต่างหากที่เป็นนายจ้างของโจทก์ จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดจ่ายค่าจ้างให้โจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิดจ่ายเงินค่าจ้างให้โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง