คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3547/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มีหน้าที่ต้องส่งกระป๋องให้แก่จำเลยให้ครบตามจำนวนและกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ โดยในสัญญามิได้ระบุว่าแม้โจทก์จะยังส่งกระป๋องให้จำเลยไม่ครบจำนวนโจทก์ก็มีสิทธิเรียกเก็บเงินจากจำเลยได้ ดังนี้ เมื่อโจทก์ส่งกระป๋องให้แก่จำเลยไม่ครบจำนวนตามที่จำเลยสั่งซื้อ โจทก์จึงยังไม่อยู่ในฐานะที่จะใช้สิทธิเรียกให้จำเลยชำระราคาได้ การที่จำเลยไม่ชำระราคาให้โจทก์ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ผิดสัญญา โจทก์จะใช้สิทธิเลิกสัญญาไม่ส่งกระป๋องให้จำเลยให้ครบจำนวนหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ไม่ส่งกระป๋องให้จำเลยจนครบจำนวน โจทก์จึงตกเป็นผู้ผิดสัญญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ซื้อกระป๋องจากโจทก์รวม 4 ครั้ง รวม 56,040 ใบราคาใบละ 2 บาท เป็นเงิน 112,080 บาท เมื่อถึงกำหนดชำระราคาจำเลยก็ไม่ชำระให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า จำเลยได้สั่งซื้อกระป่องจากโจทก์ 3 รายการ รายการละ100,000 ใบ ราคาใบละ 2 บาท หลังจากตกลงกันแล้ว วัสดุที่ใช้ทำกระป๋องมีราคาสูงขึ้นมาก โจทก์จึงไม่ยอมส่งกระป๋องให้จำเลยภายในกำหนด จำเลยได้รับกระป๋องจากโจทก์รวม 4 ครั้งตามฟ้อง แต่เมื่อจำเลยนำไปบรรจุเงาะจำหน่ายลูกค้าจำเลยได้นำมาคืนไม่น้อยกว่า 7,200 ใบ หนี้ค่ากระป๋องยังไม่ถึงกำหนดชำระโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ย และจำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระค่าเสียหายที่โจทก์ส่งกระป๋องไม่ครบจำเลยต้องไปหาซื้อจากที่อื่นต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 121,980 บาท ค่าเสียหายในการที่โจทก์ส่งกระป๋องที่คุณภาพต่ำ7,200 ใบ คิดเป็นเงิน 90,000 บาท รวมเป็นเงิน 201,980 บาท ขอให้พิพากษายกฟ้องโจทก์และให้โจทก์ชดใช้เงินตามฟ้องแย้งให้จำเลย

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้ง

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา และฟังไม่ได้ว่าผลไม้ของจำเลยเสียเพราะกระป๋องของโจทก์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากโจทก์พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 118,384 บาท 50 สตางค์ แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยให้ยกฟ้องแย้งจำเลย

จำเลยอุทธรณ์ให้พิพากษากลับเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องแย้ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ชำระค่าเสียหายจำนวน121,980 บาทให้จำเลยโดยให้ศาลชั้นต้นคำนวณเงินที่โจทก์จำเลยจะต้องชำระแก่กันมาหักกลบลบกัน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามใบสั่งซื้อระบุว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องส่งกระป๋องรายการที่ 2 และที่ 3 ให้จำเลยรายการละ 100,000 บาท รวมเป็น 200,000 ใบภายใน 45 หรือ 50 วัน นับแต่วันที่ 21 มีนาคม 2521 (ซึ่งเป็นวันสั่งซื้อ) ซึ่งได้แก่ภายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2521 และต้องส่งกระป๋องรายการที่ 1 จำนวน100,000 ใบ ให้ภายในเดือนมิถุนายน 2521 โดยมีกำหนดการจ่ายเงินภายใน1 เดือนโดยวิธีตีเช็ค 2 เดือน เมื่อในใบสั่งซื้อดังกล่าวที่นายวัฒนากรรมการบริษัทได้ร่วมลงชื่อร่วมกับจำเลยในฐานะเป็นคู่สัญญาด้วยมิได้ระบุว่าให้โจทก์มีสิทธิเรียกเก็บได้แม้โจทก์ยังส่งกระป๋องให้จำเลยไม่ครบจำนวน กรณีก็ย่อมหมายความว่าโจทก์จะต้องส่งกระป๋องรายการที่ 2 ที่ 3 ให้จำเลยให้ครบถ้วนจำนวน 200,000 ใบเสียก่อน โจทก์จึงจะมีสิทธิเรียกเก็บเงินค่ากระป๋องงวดแรกจากจำเลย และเมื่อโจทก์ส่งกระป๋องรายการที่ 1 จำนวน 100,000 ใบให้จำเลยครบถ้วนแล้ว โจทก์จึงจะมีสิทธิเรียกเก็บเงินงวดที่สองจากจำเลย การที่โจทก์เริ่มส่งกระป๋องรายการที่ 2 ที่ 3 ให้จำเลยในวันที่ 15 มิถุนายน 2521 จนถึงวันที่ 11 กรกฎาคม 2521 รวม 4 ครั้งเพียงจำนวน56,040 ใบซึ่งยังไม่ครบจำนวนตามใบสั่งซื้อ โจทก์จึงยังไม่อยู่ในฐานะที่จะใช้สิทธิเรียกให้จำเลยชำระราคาค่ากระป๋องตามใบสั่งซื้อได้ เมื่อจำเลยไม่ชำระราคาให้โจทก์จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ผิดสัญญา โจทก์จะใช้สิทธิเลิกสัญญาไม่ส่งกระป๋องให้จำเลยให้ครบจำนวนหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ไม่ส่งกระป๋องให้จำเลยจนครบจำนวนโจทก์จึงตกเป็นผู้ผิดสัญญา

วินิจฉัยเกี่ยวกับค่าเสียหายว่า เมื่อโจทก์เป็นผู้ผิดสัญญาในกรณีที่ส่งกระป๋องให้จำเลยไม่ครบตามสัญญา โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้จำเลยที่ต้องซื้อกระป๋องจากผู้อื่นในราคาสูงขึ้น โดยกำหนดค่าเสียหายให้ใบละ 20 สตางค์ โจทก์ส่งกระป๋องขาดไป 243,900 ใบ จึงเป็นค่าเสียหายที่โจทก์จะต้องรับผิดชดใช้ให้แก่จำเลยเป็นเงิน 48,792 บาท

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ชำระค่าเสียหายให้จำเลย 48,792 บาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share