คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3529/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คแล้วนำมาทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์ จำเลยให้การว่าได้นำเช็คไปทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์จริง จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค หาได้ฟ้องให้รับผิดในมูลหนี้ตามเช็คที่นำไปทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์ไม่ ดังนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงต้องบังคับตามสัญญาขายลดเช็ค แต่สัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 คือมีอายุความ 10 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กู้เงินไปจากโจทก์โดยวิธีขายลดเช็ค จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คและทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์เรียกเก็บเงินไม่ได้จำเลยจึงเป็นหนี้โจทก์ตามสัญญาขายลดเช็ค จึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า สัญญาขายลดเช็คเป็นหนี้อันเกิดจากเช็ค จึงมีอายุความ ๑ ปี ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองสั่งจ่ายเช็คแล้วนำมาทำสัญญาขายลดเช็คนั้นให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารแต่เรียกเก็บไม่ได้เพราะบัญชีผู้สั่งจ่ายปิด จำเลยทั้งสองให้การว่าจำเลยทั้งสองได้นำเช็คไปทำสัญญาขายลดเช็คให้แก่โจทก์จริงเช่นนี้เห็นว่า โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดในมูลหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คที่จำเลยทั้งสองทำไว้แก่โจทก์ โจทก์หาได้ฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดในมูลหนี้ตามเช็คที่นำไปทำสัญญาขายลดเช็คให้แก่โจทก์ไม่ ดังนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงต้องบังคับตามสัญญาขายลดเช็ค แต่สัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ คือมีกำหนดอายุความ ๑๐ ปี
พิพากษายืน

Share