คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3522/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

โจทก์ทุกคนในคดีนี้ยกเว้นโจทก์ที่17และที่47เคยฟ้องจำเลยในมูลคดีเดียวกันนี้ต่อศาลแรงงานกลางโดยมิได้ลงชื่อในคำฟ้องหรือแต่งตั้งบุคคลอื่นดำเนินคดีแทนศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษาคดีเฉพาะโจทก์ที่ลงชื่อในคำฟ้องและยกฟ้องโจทก์ที่มิได้ลงชื่อดังกล่าวโจทก์ที่ลงชื่อในคำฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาศาลฎีกาพิพากษายืนดังนี้เมื่อคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีดังกล่าวมิได้มีการกำหนดให้คำพิพากษาผูกพันนายจ้างและลูกจ้างอื่นซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลแห่งคดีตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา53คำพิพากษาดังกล่าวจึงไม่ผูกพันโจทก์ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องเนื่องจากมิได้ลงชื่อในคำฟ้องและมิได้แต่งตั้งให้บุคคลอื่นดำเนินคดีแทนด้วยและเมื่อศาลแรงงานกลางยังมิได้วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทของโจทก์อื่นดังกล่าวฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ โจทก์ในคดีนี้บางคนเคยฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลางและได้ขอถอนฟ้องศาลแรงงานกลางอนุญาตจำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลแรงงานกลางต่อศาลฎีกาศาลแรงงานกลางไม่รับอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต่อศาลฎีการะหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อคดีก่อนยังค้างพิจารณาอยู่ในศาลฎีกาแล้วโจทก์จะนำคดีเรื่องเดียวกันนี้มาฟ้องจำเลยคนเดียวกันอีกไม่ได้ฟ้องของโจทก์เฉพาะโจทก์ที่เคยฟ้องจำเลยมาดังกล่าวจึงเป็นฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา173ส่วนการถอนฟ้องของโจทก์ดังกล่าวอันจะทำให้มีผลลบล้างผลแห่งการยื่นคำฟ้องฯตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา176นั้นจะต้องเป็นกรณีที่การถอนฟ้องได้ถึงที่สุดไปแล้วโดยไม่มีคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลใดศาลหนึ่ง.

ย่อยาว

โจทก์ทั้งห้าสิบสี่ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลโดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ทำงานแทนและเป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2528 และได้เลิกจ้างเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2528 ยกเว้นโจทก์ที่ 37 และที่ 43 ซึ่งเลิกจ้างเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2528 โดยจำเลยทั้งสองไม่จ่ายค่าชดเชยให้ การจ้างครั้งนี้มิได้ทำสัญญาเป็นหนังสือและมิได้กำหนดระยะเวลาการจ้างไว้ การเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างตามสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดเวลา ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 จ้างโจทก์ซึ่งเคยเป็นลูกจ้างของผู้รับสิทธิผลิตสุรารายเดิมโดยเป็นการจ้างชั่วคราวและมีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน ต่อมาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2528 จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 จึงได้ทำหนังสือสัญญาจ้างกับโจทก์โดยกำหนดวันสิ้นสุดสัญญาไว้วันที่ 31 สิงหาคม 2528 ส่วนโจทก์ที่ 37 และที่ 43 นั้น เมื่อสัญญาสิ้นสุดลงดังกล่าวแล้ว จำเลยได้ว่าจ้างโจทก์ทั้งสองทำงานชั่วคราวเป็นรายวันต่อไปเพียง16 วัน เมื่อสิ้นสุดเวลาตามที่ตกลงกันไว้ โจทก์ที่ 37 และที่ 43 จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย โจทก์ทั้งห้าสิบสี่เคยฟ้องจำเลยทั้งสองในมูลกรณีเดียวกันต่อศาลแรงงานกลางตามคดีหมายเลขดำที่ 5292/2528 หมายเลขแดงที่ 5637/2528ซึ่งศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องฟ้องคดีนี้ของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ และโจทก์ในคดีนี้ส่วนใหญ่ได้ฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลแรงงานกลางตามคดีหมายเลขดำที่ 7082/2528 และหมายเลขดำที่ 7116/2528 ต่อมาโจทก์ขอถอนฟ้องทั้งสองคดีจำเลยได้อุทธรณ์คัดค้านต่อศาลฎีกา คดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้อน ขอให้ยกฟ้อง วันนัดพิจารณาโจทก์แถลงรับข้อเท็จจริงบางประการ ศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า 1. ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำและฟ้องซ้อนหรือไม่2. โจทก์มีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือไม่ แล้วศาลแรงงานกลางสั่งงดสืบพยานและวินิจฉัยว่า โจทก์ทุกคนนอกจากโจทก์ที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ 5637/2528 ของศาลแรงงานกลางต่างเป็นโจทก์ในคดีหมายเลขดำที่ 7116/2528 และคดีหมายเลขดำที่ 7082/2528 ศาลฎีกาในคดีหมายเลขแดงที่ 5637/2528 ของศาลแรงงานกลางได้วินิจฉัยประเด็นตามที่โจทก์ฟ้องคดีนี้แม้โจทก์อื่นมิได้ลงชื่อในคำฟ้องคดีนั้นก็ตามคำพิพากษาของศาลแรงงานอาจกำหนดให้ผูกพันนายจ้างและลูกจ้างอื่นซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดีได้ ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำและที่โจกท์ถอนฟ้องคดีหมายเลขดำที่ 7082/2528 กับหมายเลขดำที่ 7116/2528 และคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ พิพากษายกฟ้อง โจทก์ทั้งห้าสิบสี่อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า คดีมีปัญหาว่าฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 5637/2528 และเป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมายเลขดำที่ 7082/2528 หมายเลขแดงที่ 18/2529 กับหมายเลขดำที่ 7116/2525 หมายเลขแดงที่ 19/2529 ของศาลแรงงานกลางหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ทั้งห้าสิบสี่นอกจากโจทก์ที่ 17 และที่ 47 ในคดีนี้ได้เคยฟ้องจำเลยในมูลคดีเดียวกันนี้ตามคดีหมายเลขแดงที่ 5637/2528 ของศาลแรงงานกลางโดยมิได้ลงชื่อในคำฟ้องหรือแต่งตั้งให้บุคคลอื่นดำเนินคดีแทน ศาลแรงงานกลางจึงพิจารณาคดีเฉพาะโจทก์ที่ได้ลงชื่อในคำฟ้องและพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่มิได้ลงชื่อในคำฟ้องและมิได้แต่งตั้งให้บุคคลอื่นดำเนินคดีแทนนั้น คดีถึงที่สุด โจทก์ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องดังกล่าวได้ฟ้องจำเลยอีกตามคดีหมายเลขแดงที่ 18/2529 โจทก์ที่ 43 ในคดีนี้ได้ฟ้องจำเลยตามคดีหมายเลขแดงที่ 19/2529ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งรวมพิจารณาในวันนัดสืบพยานจำเลย โจทก์ทั้งสองสำนวนขอถอนฟ้อง ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตจำเลยทั้งสองสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ทั้งห้าสิบสี่จึงฟ้องคดีนี้ศาลฎีกาเห็นว่าศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 5637/2528 ของศาลแรงงานกลางโดยให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 1 ยืนตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางโดยมิได้มีการกำหนดให้คำพิพากษาผูกพันนายจ้างและลูกจ้างอื่นซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดีตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 53 ไว้แต่อย่างใด คำพิพากษาดังกล่าวจึงผูกพันเฉพาะคู่ความคือโจทก์ที่ 1 กับจำเลยทั้งสองในคดีนั้นเท่านั้น ไม่ผูกพันโจทก์อื่นที่ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องเนื่องจากมิได้ลงชื่อในคำฟ้องและมิได้แต่งตั้งให้บุคคลอื่นดำเนินคดีแทนนั้นด้วย และเมื่อศาลแรงงานกลางยังมิได้วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทของโจทก์อื่นดังกล่าว ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 สำหรับปัญหาว่าฟ้องของโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมายเลขแดงที่ 18และ 19/2529 ของศาลแรงงานกลางหรือไม่นั้น ได้ความว่า โจทก์อื่นในคดีนี้นอกจากโจทก์ที่ 5 ที่ 15 ที่ 20 ที่ 21 ที่ 24 ที่ 28 ที่ 38 ที่ 50 ที่ 53 และที่ 54 ได้ฟ้องจำเลยทั้งสองตามคดีหมายเลขแดงที่ 18 และ 19/2529 ของศาลแรงงานกลางเมื่อศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยจึงอุทธรณ์คำสั่งของศาลแรงงานกลางต่อศาลฎีกาในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ก็ได้ยื่นฟ้องคดีนี้ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง บัญญัติว่า “นับแต่เวลาที่ได้ยื่นคำฟ้องแล้ว คดีนั้นอยู่ในระหว่างพิจารณาและผลแห่งการนี้ (1) ห้ามไม่ให้โจทก์ยื่นคำฟ้องเรื่องเดียวกันนั้นต่อศาลเดียวกันหรือต่อศาลอื่น ฯลฯ” เห็นได้ว่า ถ้าคดีก่อนยังค้างพิจารณาอยู่ในศาลแล้ว โจทก์จะนำคดีเรื่องเดียวกันนั้นมาฟ้องจำเลยคนเดียวกันอีกไม่ได้ คำว่าคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาหมายความว่าจะอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลใดก็ตามโจทก์ก็จะฟ้องใหม่ไม่ได้ เมื่อจำเลยยังอุทธรณ์คำสั่งของศาลแรงงานกลางที่ไม่รับอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา กรณีจึงเป็นเรื่องคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาเช่นเดียวกัน ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ผลของการถอนฟ้องย่อมลบล้างผลแห่งการยื่นคำฟ้องรวมทั้งกระบวนพิจารณาอื่น ๆ อันมีมาภายหลังยื่นคำฟ้องและกระทำให้คู่ความกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นฟ้องเลยนั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176 หมายความว่า การถอนฟ้องนั้นได้ถึงที่สุดไปแล้วโดยไม่มีคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลใดศาลหนึ่ง มิใช่มีคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาดังเช่นปัญหาในคดีนี้ ฟ้องของโจทก์อื่นนอกจากโจทก์ที่ 5 ที่ 15 ที่ 20 ที่ 21 ที่ 24 ที่ 28ที่ 38 ที่ 50 ที่ 53 และที่ 54 จึงเป็นฟ้องซ้อนต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับโจทก์ที่ 5 ที่ 15 ที่ 20 ที่ 21 ที่ 24 ที่ 28 ที่ 38 ที่ 50 ที่ 53 และที่ 54ให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษาคดีของโจทก์ทั้งสิบนี้ใหม่ตามรูปคดีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share