คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3486/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จะขอให้ศาลพิพากษาตามคำขอของโจทก์ที่ว่าถ้าจำเลยไม่ดำเนินการรื้อถอนให้โจทก์หรือบุคคลภายนอกเป็นผู้รื้อถอนโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่ได้ เพราะเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ทวิ ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับการบังคับคดีตามคำพิพากษาจึงนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 213 วรรคสองซึ่งเป็นกฎหมายสารบัญญัติที่มิใช่บทบัญญัติในการบังคับคดี มาใช้บังคับแก่กรณีนี้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนส่วนของอาคารที่รุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้ามายุ่งเกี่ยวในที่ดินพิพาทอีก หากจำเลยไม่ดำเนินการรื้อถอนให้โจทก์หรือบุคคลภายนอกเป็นผู้รื้อถอนโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนส่วนของอาคารบ้านพักซึ่งรุกล้ำเข้ามาในที่ดินโจทก์ตามส่วนที่ระบายด้วยหมึกสีดำในแผนที่วิวาท เอกสารหมาย จ.5 ออกไปจากที่ดินของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้ามายุ่งเกี่ยวกับที่ดินโจทก์อีกต่อไปหากจำเลยไม่ดำเนินการรื้อถอนให้โจทก์หรือบุคคลภายนอกรื้อถอนแทน โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอที่ว่าถ้าจำเลยไม่ดำเนินการรื้อถอนให้โจทก์หรือบุคคลภายนอกเป็นผู้รื้อถอน โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณาตามฎีกาโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธิขอให้ศาลพิพากษาตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ว่า ถ้าจำเลยไม่ดำเนินการรื้อถอนให้โจทก์หรือบุคคลภายนอกเป็นผู้รื้อถอน โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้หรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ทวิ ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับการบังคับคดีตามคำพิพากษา ได้บัญญัติกรณีเช่นนี้ให้เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าวส่วนมาตรา 213 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่โจทก์อ้างในฎีกานั้นเป็นกฎหมายสารบัญญัติมิใช่บทบัญญัติในการบังคับคดี จึงนำมาใช้บังคับกรณีนี้ไม่ได้
พิพากษายืน

Share