แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายบุกรุกบ้านจำเลยในเวลาประมาณ 22 นาฬิกา โดยเข้าทางบันไดหน้าบ้านจำเลยซึ่งไม่มีประตูหรือฝากั้น จำเลยอยู่ห่างจากผู้ตายไม่มากนัก ร้องถามว่า ใคร ๆ แต่ผู้ตายไม่ตอบ การที่จำเลยสำคัญผิดเข้าใจว่าผู้ตายอาจเป็นคนร้ายที่เข้ามาจะลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ และใช้อาวุธปืนยิงไป 1 นัด เป็นการป้องกันสิทธิในทรัพย์สินของตนพอสมควรแก่เหตุ ถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบด้วยมาตรา 62
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 33และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วย มาตรา 62, 68, 69 ลงโทษจำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ตามวันและสถานที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ22 นาฬิกา จำเลยได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงไปทางบันไดหน้าบ้านจำเลย 1 นัด ถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ก่อนจำเลยใช้อาวุธปืนยิงจำเลยเห็นคนในที่มืดที่บันไดบ้านแล้วจำเลยร้องถามขึ้นก่อนว่าใคร ๆ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจึงใช้อาวุธปืนยิงไปทางบันไดบ้าน1 นัด กระสุนจึงถูกผู้ตายซึ่งขณะนั้นกำลังหันหน้าเข้าหาบันไดและกำลังขึ้นบันไดหน้าบ้านจำเลย ที่หน้าบันไดที่ผู้ตายกำลังขึ้นไปไม่มีประตู แล้ววินิจฉัยว่า แม้ผู้ตายจะไม่มีอาวุธใด ๆ ติดตัวแต่ที่เกิดเหตุเป็นที่มืดจำเลยอยู่บนบ้านเผชิญหน้ากับผู้ตายที่บริเวณบ้านด้านที่ไม่มีฝากั้นโดยห่างจากผู้ตายไม่มากนัก ผู้ตายสามารถที่จะเข้าไปในบ้านและเข้าไปถึงตัวจำเลยได้โดยง่าย เมื่อจำเลยร้องถามผู้ตาย ผู้ตายก็ไม่ตอบกลับขึ้นบันไดเพื่อบุกรุกเข้าไปในบ้านจำเลยในเวลาค่อนข้างดึก แม้ผู้ตายอาจตั้งใจลอบเข้าหาบุตรสาวของจำเลยก็ตาม แต่ตามพฤติการณ์ดังกล่าวย่อมเป็นเหตุที่ทำให้จำเลยเข้าใจว่าผู้ตายเป็นคนร้ายมีเจตนาที่จะเข้ามาลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ในบ้านของจำเลย จำเลยจึงยิงผู้ตายไป 1 นัด โดยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงและไม่ปรากฏว่าความสำคัญผิดนั้นเกิดจากความประมาทของจำเลยถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิในทรัพย์สินของตนพอสมควรแก่เหตุ ซึ่งเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบด้วยมาตรา 62 จำเลยจึงไม่มีความผิด
พิพากษายืน