คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3357/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องทราบว่ามารดาของผู้คัดค้านกับผู้คัดค้านเป็นทายาทของผู้ตาย แต่ผู้ร้องได้แสดงบัญชีเครือญาติและนำสืบว่าผู้ตายมีทายาทเพียง 2 คน คือ ผู้ร้องกับมารดาผู้ตาย และในคำร้องขอจัดการมรดกผู้ร้องอ้างว่าผู้ตายมีทรัพย์สินต้องจัดแบ่งปันแก่ทายาทแต่กลับมาอ้างในชั้นร้องขอถอนผู้จัดการมรดกว่าผู้ตายไม่มีทรัพย์สินที่จะต้องแบ่งปัน จึงส่อพฤติการณ์ไม่สุจริตปกปิดข้อเท็จจริงในเรื่องทายาทและทรัพย์มรดกของผู้ตาย ไม่สมควรให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกต่อไป

ย่อยาว

คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายไชยยงค์ บางแสนอ่อน ผู้ตาย ต่อมาผู้คัดค้านยื่นคำร้องว่าผู้คัดค้านเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายกับนางผิน บางแสนอ่อนภริยาของผู้ตายที่ยังไม่ได้หย่าขาดกัน ผู้ตายกับผู้ร้องจดทะเบียนสมรสซ้อนในภายหลัง ผู้ร้องเบิกความเท็จปกปิดความจริงดังกล่าวและนำทรัพย์มรดกไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ไม่แบ่งปันแก่ผู้คัดค้านขอให้ถอนผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกแทน ผู้ร้องคัดค้านว่า ผู้คัดค้านมิใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ผู้ตายไม่มีทรัพย์มรดกเหลือแบ่งปันอีกผู้คัดค้านไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้จัดการมรดก ขอให้ยกคำร้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายและตั้งให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้ร้องอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาว่า มีเหตุที่จะถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าในคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้ร้องได้แสดงบัญชีเครือญาติและนำสืบว่า ผู้ตายมีทายาทเหลืออยู่เพียง 2 คน คือตัวผู้ร้องและนางสินมารดาของผู้ตายเท่านั้น แต่ปรากฏจากการนำสืบพยานของผู้คัดค้านได้ความว่า ผู้ตายยังมีนางผินภรรยาของผู้ตายซึ่งจดทะเบียนสมรสและยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน และผู้คัดค้านก็เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายที่เกิดจากนางผิน บุคคลทั้งสองจึงเป็นทายาทของผู้ตาย ผู้คัดค้านนำสืบได้ความอีกว่า ในการจัดการศพผู้ตายได้กระทำร่วมกันระหว่างผู้ร้องและผู้คัดค้านโดยผู้คัดค้านได้ส่งหลักฐานภาพถ่ายการจัดการศพ ตามเอกสารหมาย ร.ค.8 ถึง ร.ค.11รวม 4 ภาพ เป็นพยานสนับสนุน จึงน่าเชื่อว่า ผู้ร้องทราบว่านางผินและผู้คัดค้านเป็นทายาทของผู้ตายด้วย และในคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้ร้องได้อ้างว่าผู้ตายมีทรัพย์สินอันจะต้องจัดการแบ่งปันแก่ทายาทซึ่งปรากฏในบัญชีทรัพย์สินที่แสดงพร้อมคำร้องดังกล่าวแล้ว การที่ผู้ร้องกลับมาอ้างในชั้นนี้ว่าผู้ตายไม่มีทรัพย์สินที่จะต้องแบ่งปันจึงส่อพฤติการณ์ไปในทางไม่สุจริตปกปิดข้อเท็จจริงในเรื่องทายาทและทรัพย์สินซึ่งเป็นมรดกของผู้ตาย เป็นการเสียหายแก่ทายาทอื่น จึงไม่สมควรให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายและตั้งให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นชอบแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ให้ผู้ร้องใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนผู้คัดค้าน500 บาท

Share