คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3351/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในฐานะทายาทผู้ตายซึ่งเป็นลูกหนี้ให้รับผิดชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์ จำเลยจะยกข้อต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้รับมรดกผู้ตายไม่มีทรัพย์ตกทอดแก่ทายาทและจำเลยไม่ได้ครอบครองทรัพย์มรดก เพื่อเป็นเหตุตัดอำนาจฟ้องของโจทก์หาได้ไม่ เพราะข้ออ้างดังกล่าวหากเป็นความจริงก็เป็นเรื่องต้องว่ากันในชั้นบังคับคดี ทั้งทายาทไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1601 อยู่แล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายท่วนจิ่น แซ่อึ้ง ผู้ตายทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์เป็นเงิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ15 ต่อปีคิดทบต้น ผู้ตายมอบสินค้าในร้านและกรมธรรม์ประกันภัยให้โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์โดยตกลงว่าหากสินค้ายังเก็บรักษาอยู่ในสถานที่ของผู้ตาย ให้ถือว่าเก็บรักษาไว้แทนในนามโจทก์ต่อมาผู้ตายถึงแก่กรรม โจทก์คิดบัญชีแล้วผู้ตายเป็นลูกหนี้โจทก์อยู่ 58,698.06 บาท จำเลยที่ 1 ในฐานะภรรยาและจำเลยที่ 2 ในฐานะบุตรของผู้ตายได้เข้าครอบครองมรดกสินค้าในร้าน โจทก์ได้ทวงถามจำเลยทั้งสองให้ชำระหนี้ที่ผู้ตายค้างชำระแล้วจำเลยไม่ยอมชำระ จึงฟ้องให้จำเลยทั้งสองในฐานะทายาทและผู้ครอบครองทรัพย์มรดกของผู้ตายร่วมกันชำระหนี้จำนวน 58,698.06 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า ไม่ได้เป็นผู้รับมรดกของนายท่วนจิ่นแซ่อึ้ง ผู้ตาย ทั้งผู้ตายไม่มีมรดกที่ทายาทจะพึงได้รับร้านค้าและสินค้าในร้านเลขที่ 33/13 – 14 มิใช่ของนายท่วนจิ่น หากแต่เป็นของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนการค้าไว้เป็นหลักฐาน ส่วนอาคารที่ตั้งร้านค้าดังกล่าวจำเลยที่ 2 เช่ามาจากบุคคลอื่นและได้ครอบครองดำเนินธุรกิจการค้ามาโดยตลอดจนบัดนี้ นายท่วนจิ่นได้อยู่กินกับนางฮุ้ยฮวงภรรยา ที่บ้านตลาดเหนือ อำเภอชุมแสง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับร้านค้าของจำเลยที่ 2 นายท่วนจิ่นจะได้กู้เงินโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ไม่ทราบ แม้จะกู้มาจริง ก็ไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดชอบหนี้สินใดๆ ของนายท่วนจิ่นขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ประกอบกิจการค้าที่ร้านค้าดังกล่าวแต่ผู้เดียว สินค้าในร้านดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 2 หาใช่เป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกของนายท่วนจิ่น แซ่อึ้ง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองในฐานะทายาทร่วมกันชำระหนี้ 54,240.50 บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15ต่อปีของต้นเงิน 47,351.79 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ว่านายท่วนจิ่น แซ่อึ้ง เป็นหนี้โจทก์ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี จำนวน 54,240.50 บาท นายท่วนจิ่นถึงแก่กรรมเมื่อเดือนสิงหาคม 2523 จำเลยที่ 1 เป็นภริยา จำเลยที่ 2 เป็นบุตรของนายท่วนจิ่นผู้ตาย จำเลยทั้งสองจึงเป็นทายาทของผู้ตาย มีปัญหาในชั้นฎีกาตามฎีกาของจำเลยทั้งสองเพียงข้อเดียวว่า จำเลยทั้งสองในฐานะทายาทจะต้องรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวของผู้ตายให้แก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 วรรคแรก บัญญัติว่า ‘เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกแก่ทายาท’ หนี้เงินดังกล่าวเป็นหน้าที่และความรับผิดอย่างหนึ่งของผู้ตายที่จะต้องชำระหนี้ให้แก่โจทก์ จึงเป็นมรดกตามมาตรา 1600 และตกทอดไปยังทายาท ดังนั้นจำเลยทั้งสองในฐานะทายาทต้องรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวของผู้ตายให้แก่โจทก์ ข้อที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าจำเลยไม่ได้รับมรดกของผู้ตาย ผู้ตายไม่มีทรัพย์ตกทอดแก่ทายาท และจำเลยไม่ได้ครอบครองทรัพย์มรดกนั้นหากเป็นความจริงก็เป็นปัญหาที่จะว่ากันในชั้นบังคับคดี เพราะทายาทไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตนตามมาตรา 1601 ข้ออ้างดังกล่าวจึงไม่เป็นเหตุตัดอำนาจฟ้องของโจทก์
พิพากษายืน.

Share