คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3347/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้ร่วมกับพวกมาหาเรื่องกับกลุ่มผู้ตาย โดยจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวมาด้วย ตามพฤติการณ์ย่อมเล็งเห็นได้ว่าอาจจะมีการใช้อาวุธปืนยิงคนในกลุ่มผู้ตายถึงแก่ความตายได้ ดังนั้นแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้แน่ชัดเพียงว่ามีคนในกลุ่มจำเลยซึ่งไม่แน่ว่าจะเป็นจำเลยหรือไม่ ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายและผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส จำเลยก็ต้องรับผิดฐานเป็นตัวการด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายภักดี บุญบำรุงและนายพี่รักษ์หรือภิรักษ์หรือเด่น บุญบำรุงจำนวน 1 นัด โดยเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้นายภักดี บุญบำรุงถึงแก่ความตาย และนายพี่รักษ์หรือภิรักษ์หรือเด่น บุญบำรุงได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,297, 83, 80, 90, 59 และริบเม็ดกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 (ที่ถูก 288 และ 288 ประกอบด้วยมาตรา 80) 83 เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นบทหนัก วางโทษจำคุก 15 ปี และริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกมาหาเรื่องกับกลุ่มผู้ตาย โดยจำเลยมีอาวุธปืนติดมาด้วย ตามพฤติการณ์ย่อมเล็งเห็นได้ว่าอาจจะมีการใช้อาวุธปืนยิงคนในกลุ่มผู้ตายถึงแก่ความตายได้ ดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้แน่ชัดเพียงว่ามีคนในกลุ่มจำเลยซึ่งไม่แน่ว่าจะเป็นจำเลยหรือไม่ ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายและผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสจำเลยก็ต้องรับผิดฐานเป็นตัวการด้วย
พิพากษายืน

Share