คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 333/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ทำสัญญาประกันตัว ป. ต่อศาลในการปล่อยชั่วคราว ป. ในระหว่างสอบสวนโดยมีจำเลยทำสัญญาต่อโจทก์ว่า หากศาลสั่งปรับโจทก์ จำเลยจะยอมใช้เงินค่าปรับตามคำสั่งศาลแทนโจทก์ ดังนี้สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนมิใช่สัญญาค้ำประกันตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 11.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 40,244 บาทพร้อมดอกเบี้ยในเงินต้น 40,141 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ การที่ศาลสั่งปรับนายประกันและนายประกันชำระเงินค่าปรับต่อศาลนั้น เป็นเรื่องความรับผิดระหว่างโจทก์กับศาลเท่านั้น หาได้เกิดจากสัญญาค้ำประกันที่จำเลยลงชื่อไว้ไม่ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 40,141 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…จำเลยได้ทำสัญญาลงวันที่ 12 ธันวาคม2527 ตามเอกสารหมาย จ. 2 ให้โจทก์ ในการที่โจทก์ได้ทำสัญญาประกันตัวนายประดิษฐ์ในระหว่างสอบสวนต่อศาล และต่อมาโจทก์ได้ขอถอนประกัน ศาลได้ออกหมายขังนายประดิษฐ์ไว้ ต่อมาโจทก์ได้ยื่นขอประกันตัวนายประดิษฐ์ในระหว่างสอบสวนอีกศาลได้สั่งปล่อยชั่วคราว ครั้นถึงวันนัดส่งตัวนายประดิษฐ์ต่อศาลนายประดิษฐ์ไม่มาศาลศาลจึงสั่งปรับโจทก์ รวมค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายด้วยเป็นเงิน 40,141 บาท และโจทก์ได้เสียค่าปรับแล้วตามเอกสารหมาย จ. 5 คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยจะต้องรับผิดตามสัญญาเอกสารหมาย จ. 2 หรือไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่าตามเอกสารหมาย จ. 2 ต้องถือว่าจำเลยทำสัญญารับผิดไว้ต่อโจทก์ตลอดเวลาการฝากขังในระหว่างสอบสวนของพนักงานสอบสวนนั้นเห็นว่าเอกสารหมาย จ. 2 มีข้อความเป็นสาระสำคัญว่าในระหว่างที่ประกันตัวนี้ถ้านายประดิษฐ์หลบหนีไม่มาศาลตามกำหนด และศาลสั่งปรับนายประกัน จำเลยผู้มีนามข้างท้ายในฐานะผู้ค้ำประกันตัวนายประดิษฐ์ ขอรับผิดชอบชดใช้เงินค่าปรับตามคำสั่งศาลแทนนายประกันทั้งสิ้น และสัญญาประกันนี้ประกันให้เฉพาะในระหว่างสอบสวนจนเสร็จการฝากขังของพนักงานสอบสวน เพราะฉะนั้น แม้ศาลสั่งปรับโจทก์ซึ่งเป็นนายประกันตัวนายประดิษฐ์ เพราะนายประดิษฐ์ไม่มาศาล อันเป็นการผิดสัญญาประกันที่โจทก์ทำต่อศาลในครั้งหลัง ก็ถือได้ว่ายังไม่เสร็จการฝากขังของพนักงานสอบสวนแม้ตามหนังสือสัญญาเอกสารหมาย จ. 2 จะระบุถึงเฉพาะสัญญาประกันที่โจทก์ทำไว้ต่อศาลในครั้งแรกเมื่อวันที่ 12(ที่ถูกคือ 11) ธันวาคม 2527 ก็ตาม แต่คดีได้ความจากตัวโจทก์และนางสาวเกศรินทร์ ลุยจันทร์ พยานโจทก์ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ยื่นคำร้องขอถอนประกันนายประดิษฐ์ว่าเมื่อศาลได้ออกหมายขังนายประดิษฐ์แล้ว จำเลยได้พูดโทรศัพท์ขอให้โจทก์ประกันตัวนายประดิษฐ์ต่อโดยถือสัญญาประกันเดิม โจทก์จึงได้ทำสัญญาประกันตัวนายประดิษฐ์เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2527 การตกลงในครั้งหลังนี้แม้จะมิได้มีการทำหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยเป็นสำคัญ ก็มีผลใช้บังคับได้ เพราะสัญญานี้มิใช่สัญญาที่จำเลยผูกพันตนเข้าชำระหนี้ในเมื่อนายประดิษฐ์ไม่ชำระหนี้อันเป็นการค้ำประกันที่จะต้องนำบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 11 เรื่องค้ำประกันมาใช้บังคับ แต่เป็นสัญญาต่างตอบแทนที่ใช้บังคับกันระหว่างโจทก์กับจำเลยเท่านั้น ดังนั้นสัญญาเอกสารหมาย จ. 2 จึงหาได้ระงับสิ้นไป ดังที่จำเลยแก้ฎีกาไม่…’
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share