แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมอาวุธปืนของกลางรวม8 กระบอก แม้ไม่มีพยานหลักฐานอื่นแสดงว่าจำเลยมีอาวุธปืนเหล่านั้นไว้เพื่อการค้า แต่การมีอาวุธถึง 8 กระบอกนั้นแสดงอยู่ในตัวว่าน่าจะมิใช่มีไว้เพื่อป้องกันทรัพย์สิน หากแต่เป็นการมีไว้เพื่อการค้า จำเลยจึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองเพื่อการค้า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 7, 8 ทวิ, 24, 72, 72 ทวิ, 73 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 371 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 8 ทวิ, 72,72 ทวิ ให้จำคุกฐานมีอาวุธปืนคนละ 6 ปี ฐานพาอาวุธปืนคนละ3 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุกคนละ 6 ปี คำขออื่นให้ยกโจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยที่1 ฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในความครอบครองเพื่อการค้าตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาได้ความว่า จับจำเลยที่ 1ได้พร้อมอาวุธปืนของกลางรวม 8 กระบอก โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นแสดงว่าจำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนเหล่านั้นไว้เพื่อการค้า แต่ศาลฎีกาก็เห็นว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงอยู่ในตัวว่าการมีอาวุธปืนถึง 8 กระบอกนั้น น่าจะมิใช่มีไว้เพื่อการป้องกันทรัพย์สินหากแต่เป็นการมีไว้เพื่อการค้า จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองเพื่อการค้า ฎีกาของโจทก์ในส่วนนี้ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เฉพาะการปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ข้อหาฐานมีอาวุธปืนเป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองเพื่อการค้า ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 24, 73 จำคุกเฉพาะข้อหานี้ 6 ปี