คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3318/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดและพาทรัพย์นั้นไป ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยฉกฉวยพาหนีไปต่อหน้าอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์เห็นได้ว่าโจทก์ไม่ได้ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานวิ่งราวทรัพย์ด้วย จะลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ไม่ได้ คงลงโทษจำเลยทั้งสองได้ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเท่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันเข้าไปในบ้านพักอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของ บ. ผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุสมควร และร่วมกันลักเอาเครื่องรับโทรทัศน์จำนวน 1 เครื่อง ของผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความครอบครองของ ท.และเก็บรักษาไว้ในเคหสถานดังกล่าวไปโดยทุจริต โดยในการลักทรัพย์ดังกล่าวจำเลยได้ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย ท. เพื่อมิให้ ท. เข้าขัดขวางการกระทำผิดของจำเลยทั้งสองเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์ พาทรัพย์นั้นไป และในการชิงทรัพย์ดังกล่าว จำเลยได้ร่วมกันใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดและพาทรัพย์นั้นไป ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 90, 339, 340 ตรี, 362, 364, 365 ให้ริบรถยนต์ของกลาง
จำเลยทั้งสองไม่ได้ให้การ ถือว่าจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 336 วรรคหนึ่ง, 336 ทวิ, 362, 364 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 336 วรรคหนึ่ง, 336 ทวิ จำคุกคนละ 3 ปี รถยนต์ของกลางให้ริบ
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์แต่ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์นั้น คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดและพาทรัพย์นั้นไป ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยฉกฉวยพาหนีไปต่อหน้าอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์จึงเห็นว่าโจทก์ไม่ได้ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานวิ่งราวทรัพย์ด้วยเพราะความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ซึ่งมีลักษณะพิเศษไปจากการลักทรัพย์ธรรมดา เมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยว่าเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์แล้วจะลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ไม่ได้ คงลงโทษจำเลยทั้งสองได้ในความผิดฐานลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไปโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปเท่านั้นตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนายกขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ, 362, 365 ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิซึ่งเป็นบทหนัก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share