คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์อุทธรณ์ว่า ‘ในประเด็นข้อที่ว่าจำเลยที่ 2จะต้องรับผิดชอบในหนี้สินที่โจทก์ฟ้องเป็นส่วนตัวโจทก์หรือไม่ ….. เมื่อข้อเท็จจริงตามหลักฐานพยานและข้อกฎหมายดังโจทก์ได้กราบเรียนมาแล้วฟังได้ว่า. จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดในการชำระหนี้ตามที่จำเลยที่ 2ในฐานะผู้ชำระบัญชีรับสภาพหนี้ต่อโรงงานกระดาษไทยในจำนวนหนี้ของโรงพิมพ์อำพลพิทยาต่อโจทก์แล้ว. จำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวก็ไม่ต้องรับผิดชอบต่อโจทก์อีก’. แปลไม่ได้ว่าหมายความว่าถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิด.จำเลยที่2 ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ดังที่โจทก์ฎีกา. แต่ข้อความนั้นกลับทำให้เข้าใจในทางตรงข้ามว่าจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว. คดีสำหรับจำเลยที่ 2 จึงเป็นอันยุติตั้งแต่ศาลชั้นต้น.
จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อกระดาษจากโจทก์เพื่อพิมพ์เป็นแบบพิมพ์ส่งหน่วยราชการ. แม้จำเลยจะเรียกค่าตอบแทนว่าค่าจ้าง การกระทำของจำเลยก็เป็นการทำให้แบบพิมพ์เหล่านั้นเป็นสินค้าอันเป็นการประกอบอุตสาหกรรม. คดีจึงมีอายุความ 5 ปี ตามมาตรา 165 วรรคท้าย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกค่าซื้อเชื่อกระดาษ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 ได้ผ่อนชำระไปบ้างแล้วจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว และฟ้องขาดอายุความ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า คดีขาดอายุความ พิพากษาให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงินตามคำฟ้อง ในคำฟ้องอุทธรณ์ข้อหนึ่งโจทก์บรรยายว่า “ในประเด็นข้อที่ว่า จำเลยที่ 2จะต้องรับผิดชอบในหนี้สินที่โจทก์ฟ้องเป็นส่วนตัวต่อโจทก์หรือไม่… เมื่อข้อเท็จจริงตามหลักฐานพยานและข้อกฎหมายดังโจทก์ได้กราบเรียนมาแล้ว ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดในการชำระหนี้ตามที่จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ชำระบัญชีรับสภาพหนี้ต่อโรงงานกระดาษไทยในจำนวนหนี้ของโรงพิมพ์อำพลพิทยาต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวก็ไม่ต้องรับผิดชอบต่อโจทก์อีก ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์อุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ 1 คนเดียวคดีสำหรับจำเลยที่ 2 จึงเป็นอันยุติ แล้วพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินบางส่วน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องอุทธรณ์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2เพียงเท่านั้น ข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ที่ว่า โจทก์อุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ 1 คนเดียวจึงชอบแล้ว เพราะตามข้อความนั้นไม่มีทางที่จะให้เข้าใจได้ตามที่โจทก์ฎีกาว่า หมายความว่าถ้าจำเลยที่ 1ไม่ต้องรับผิด จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ศาลฎีกาเห็นว่าตามข้อความในฟ้องอุทธรณ์นั้นกลับทำให้เข้าใจในทางตรงข้ามว่าจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว การที่จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อกระดาษจากโจทก์มาพิมพ์เป็นแบบพิมพ์ส่งให้หน่วยราชการ แม้จะเรียกค่าตอบแทนว่าค่าจ้าง ก็เป็นการทำให้แบบพิมพ์เป็นสินค้าอันเป็นการประกอบอุตสาหกรรม คดีจึงมีอายุความ5 ปี ตามมาตรา 165 วรรคท้าย พิพากษาแก้.

Share