คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2465

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ย่อยาว

ในคดีที่หาว่าจำเลยพยายามกระทำความผิดนั้น โจทย์ต้องสืบให้ได้ความว่า จำเลยได้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งลงเป็นลำดับจนใกล้ชิดกับเหตุการกระทำผิด แต่หากว่ามีเหตุอื่นมาขัดขวางจึงทำความผิดนั้นไม่สำเร็จลำภังแต่เพียงได้ความว่า จำเลยมีเจตนาร้ายจะกระทำความผิดหรือเป็นแต่ตระเตรียมการจะกระทำความผิดนั้นยังไม่พอ
บ. เที่ยวหาซื้อเข้า ก.รู้ว่า บ.มีเงินติดตัวมา จึงได้ชวน บ. ไปที่บ้านโดยเจตนามิชอบ แลออกอุบายให้ บ. หลงคอยอยู่จนมืดโดยพูดว่าจะไปหาเกวียนให้ บ. แต่แทนที่จะไปหาเกวียน ก. ไปชวนผู้ร้ายเก่าถืออาวุธมาคอยดักอยู่ที่ประตูบ้าน บ. จะกลับบ้าน ก. ว่าจะมาส่ง บ.เห็นพวกจำเลยหลายคน มีความไหวทัน จึงบอกว่าไม่ต้องมาส่ง แล้ว บ. กลับหลังวิ่งไปทางบ้าน ม. ก.รู้ว่า บ.จะวิ่งไปทางบ้าน ม. จึงบอกพวกอีก ๓ คนวิ่งไล่ตามประชิดไปจนถึงรั้วบ้าน ม. ม.ลอดรั้วหนีเข้าไปได้ ร้องระบุว่า พวกจำเลยจะแย่งชิงเงิน แล้ว ม.ออกมาห้ามจำเลย จำเลยเห็นเสี่ยท่าออกอุบายใส่ความแก้เกี้ยวว่า บ.ลักเงินไป พิจารณาได้ความดังกล่าวข้างต้น
ศาลฎีกาตัดสินว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์

Share