คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3306/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โรงร้านที่จำเลยปลูกอยุ่ในที่ชายตลิ่งอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันหน้าที่ดินโจทก์ มิได้เกี่ยวกับที่ดินโจทก์ และจำเลยได้ปลูกโรงร้านพิพาทในที่ชายตลิ่งมาก่อนโจทก์ จำเลยย่อมมีสิทธิในที่ชายตลิ่งดีกว่าโจทก์ นอกจากนี้โจทก์ยังสามารถเข้าออกที่ดินโจทก์ ได้สะดวก เพราะยังมีที่ว่างที่เหลือคือที่จำเลยที่ 4 ได้รื้อไปแล้วและ
ที่ถูกพายุพัดพังไป ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ ตามพฤติการณ์ที่ได้เปลี่ยนแปลงไปยังไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะบังคับให้จำเลยรื้อถอน โรงร้านพิพาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตาม น.ส.๓ ทิศเหนือจดคลองพุมเรียง จำเลยทั้งสี่ได้ปลูกโรงร้านบนที่ชายตลิ่งกีดขวางปิดกั้นหน้าที่ดินโจทก์ทั้งหมด ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่สามารถใช้สอยที่ชายตลิ่งออกสู่คลองพุมเรียง โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยทั้งสี่รื้อถอน แต่จำเลยทั้งสี่ไม่ยอมรื้อ ขอบังคับให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันรื้อถอนโรงร้านและขนย้ายบริวารออกไปจากที่ชายตลิ่งหน้าที่ดินโจทก์
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ให้การว่า โรงร้านพิพาทนี้นางหีตมารดาโจทก์อนุญาตให้ปลูกสร้างเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน โจทก์ซื้อที่ดินมาจากนางหีตจึงต้องรับโอนทั้งสิทธิและหน้าที่ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนไม่ได้
จำเลยที่ ๔ ให้การรับว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ ๑ ถึง ๓ ปลูกโรงร้านบังหน้าที่ดินโจทก์จริง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๔ ศาลชั้นต้นอนุญาตและสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๔
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนโรงร้านออกไปจากหน้าที่ดินโจทก์
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โรงร้านที่จำเลยปลูกอยู่ในที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันหน้าที่ดินโจทก์ซึ่งโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายแต่ประการใดในที่ชายตลิ่งนั้น การที่จำเลยปลูกโรงร้านพิพาทในที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจึงมิได้เกี่ยวกับที่ดินโจทก์ และจำเลยปลูกโรงร้านในที่ชายตลิ่งมาก่อนโจทก์ จำเลยย่อมมีสิทธิในที่ชายตลิ่งดีกว่าโจทก์ โจทก์เองขณะนี้ก็ยังไม่ได้ใช้ที่ดินที่ซื้อเพราะประกอบอาชีพรับจ้างเย็บเสื้อผ้า อยู่ที่ตลาดท่าข้ามอำเภอพุนพิน และก็ยังสามารถเข้าออกที่ดินโจทก์ทางคลองพุมเรียงได้สะดวกเพราะยังมีที่ว่างที่เหลือคือที่จำเลยที่ ๔ ได้รื้อและที่ถูกพายุพัดพังไปอยู่อีกซึ่งได้เกิดขึ้นภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ ตามพฤติการณ์ที่ได้เปลี่ยนแปลงไปดังกล่าวจึงยังไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะบังคับให้จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ รื้อถอนโรงร้านพิพาทได้ ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโรงร้านพิพาทที่ยังเหลืออยู่ปิดบังหน้าที่ดินโจทก์ ทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ที่ดินที่ซื้อมาและได้รับความเสียหายเป็นพิเศษนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง.

Share